NEXT GEN

ส่อง “นักเรียนอเมริกัน” สู่ขิต !? เรียนรู้เรื่อง ภาวะโลกเดือด

23-27 สิงหาคม 2567…กับผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วโลกขณะนี้ เราอาจสรุปได้ว่าการศึกษาเกี่ยวกับ Climate Change ควรเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด แต่ไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีเหตุผลหลายประการ เป็นที่มาของการพูดถึงเรื่องนี้ในสหรัฐอเมริกาช

เป็นความจริงที่ว่ากิจกรรมต่างๆ ของมนุษยชาติส่งผลต่อสภาพภูมิอากาศ ส่วนใหญ่คือทำให้โลกร้อนขึ้น เรื่องแรกๆที่มีการบันทึกว่าเป็นสาเหตุ เริ่มต้นสมัยกรีกโบราณ ซึ่งถกเถียงกันว่า การระบายน้ำออกจากหนองบึง และตัดต้นไม้ ส่งผลกระทบต่อการเกิดฝนในท้องถิ่นหรือไม่

หลายพันปีต่อมา ปี 1896  สวานเต อาร์เรเนียส นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน คำนวณได้ว่ากิจกรรมของมนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของทั้งโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ

ช่วงฤดูร้อนของปี 1988 เจมส์ แฮนเซน ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้อำนวยการสถาบัน Goddard Institute for Space Studies ของ NASA ยืนต่อหน้าคณะกรรมาธิการพลังงานของวุฒิสภาสหรัฐฯ ย้ำว่า “ตรวจพบภาวะเรือนกระจก และกำลังเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก”

ปี 2015 สหภาพนักวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เผยแพร่รายงานน่าตกตะลึง ซึ่งรวบรวมกลวิธีหลอกลวงที่บริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลรายใหญ่ใช้มานานหลายทศวรรษ เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับภาวะโลกรวน

จากนั้นเป็นต้นมา อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกยังคงเพิ่มสูงต่อเนื่อง โดยจะอุ่นขึ้นเรื่อยๆทุกปี ผู้คนทั่วโลกต่างต้องเผชิญผลกระทบที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นของวิกฤตสภาพอากาศรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

 

การเรียนรู้เรื่องClimate Changeในระบบการศึกษาสหรัฐ

 

ในอดีตสหรัฐอเมริกาถือเป็นผู้มีส่วนสำคัญที่สุด ในการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากน้ำมือมนุษย์ โดยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้โลกร้อนขึ้นมากกว่า 509 กิกะตันสู่ชั้นบรรยากาศตั้งแต่ปี 1850 – 2021

ปัจจุบัน มี โรงเรียนอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น ประมาณ 90,000 แห่งในสหรัฐอเมริกา (ทั้งของรัฐและเอกชน) ขณะที่โปรแกรมการศึกษาเกี่ยวกับภาวะโลกเดือดก็มีไม่มากนัก ความเป็นจริง การจัดลำดับความสำคัญด้านการศึกษาและการจัดสรรงบประมาณที่แตกต่างกันอย่างมากในแต่ละรัฐได้สร้างระบบที่ดูเหมือนจะทำให้เด็กนักเรียนผิดหวัง ในแง่ของการเรียนรู้วิชาหลัก นักเรียนระดับ K-12 ของสหรัฐฯล้าหลัง เพื่อนๆ ในประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ

การประเมินคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา  รายงานของ Pew Research Center ปี 2015 ชาวอเมริกันเพียง 29 % เท่านั้น ได้คะแนนการศึกษาระดับ K-12 วิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ( STEM ) ของประเทศว่าอยู่เหนือค่าเฉลี่ย

การสอบถามสมาชิก  American Association for the Advancement of Science พบว่ามีเพียง 16 % เท่านั้นที่ระบุว่าการศึกษา STEM ระดับ K-12 ของสหรัฐฯ เป็นการศึกษาที่ดีที่สุดหรืออยู่เหนือค่าเฉลี่ย และ 46 % ระบุว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ดังนั้น อาจไม่น่าแปลกใจที่สาขาใหม่ เช่น วิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศยังไม่ได้รับการบรรจุอยู่ในหลักสูตรของโรงเรียนในสหรัฐอเมริกา

แต่คุณภาพไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ต้องพิจารณา ปี 2022  Climate Portal ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ เคยระบุว่า ในสหรัฐ ภาวะโลกเดือดไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรของโรงเรียนรัฐบาลหลายเขต เนื่องจากขาดทรัพยากร ครูขาดความรู้พื้นฐาน และมีแรงต่อต้านการศึกษาเรื่องนี้

 

ความเห็นนักการศึกษา

Maria Fialcov อดีตครูประถมศึกษา โรงเรียนประถมศึกษา Tropical ในเมือง Plantation รัฐฟลอริดา มานานถึง 27 ปี กล่าวว่า หลักสูตรของรัฐฟลอริดาไม่มีเรื่องใดเกี่ยวข้องกับภาวะโลกรวนเลย แม้แต่ครูที่เต็มใจ และมีศักยภาพตั้งชมรมสิ่งแวดล้อม ก็ไม่มีใครพูดถึงภาวะโลกเดือดเลย

 

ปี 2021 Harvard Graduate School of Education ตีพิมพ์บทความให้รายละเอียดเรื่องของ Katie Worth นักข่าวผู้ได้รับรางวัลจากการเดินทางเยี่ยมชมรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐ พูดคุยกับครู วิเคราะห์ตำราเรียน สนทนากับนักเรียนและครอบครัว ทั้งหมดเกิดจากการที่เธอต้องการค้นหาว่าเด็กๆ ในสหรัฐฯ เรียนรู้เรื่องภาวะโลกเดือดมากน้อยแค่ไหน

“ครูมีความเห็นไม่ค่อยลงรอยกันเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหานี้ บางครั้งครูก็ให้ความรู้กับเด็กๆ  แต่เด็กๆ ก็โต้แย้งเพราะได้ยินที่บ้านบอกว่าเป็นเรื่องหลอกลวง บางครั้งพ่อแม่ก็โกรธที่เด็กๆ มีทั้งรู้เหรือไม่รู้เรื่องนี้เลย เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นร้อนในพื้นที่ แม้แต่กับเด็กๆ” เธอรายงาน

Ariani Serrani ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และผู้พัฒนาหลักสูตรของ Earth Charter International บอกกับ SB ว่า เด็กๆ ส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ไม่ค่อยเรียนรู้เรื่องภาวะโลกเดือดมากนัก หากรู้เป็นเพราะเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่จากโรงเรียน

Serrani  ตีพิมพ์หนังสือเรื่อง The Jungle Jinni เพื่อช่วยให้ครูประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นนำเรื่องภาวะโลกรวนมาบูรณาการในหลักสูตรการศึกษา ขณะที่เขียนหนังสือเล่มนี้ Serrani  ค้นคว้าด้วยตัวเองนานกว่า 4 ปี โดยพูดคุยโดยตรงกับครูผู้สอน

“ดิฉันพยายามหาคำตอบว่า อะไรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกรอบความคิด และทำไมจึงมีช่องว่างระหว่างจิตสำนึกกับการประยุกต์ใช้ความรู้ปัญหาคือ เราไม่สามารถสร้างจิตสำนึก เพราะไม่สามารถเผยแพร่เนื้อหานั้นไปเผยแพร่ ครูหลายคนที่ดิฉันคุยด้วย แม้รู้เรื่องนี้ แต่พวกเขาก็ไม่มีความรู้หรือพื้นฐานที่จะสอนเรื่องภาวะโลกเดือดรวมทั้งมีภาระงานล้นมือ พวกเขาหมดไฟไปแล้ว”

 

 

แค่ความเห็นประชาชนไม่พอที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

 

ผลสำรวจของ IPSOS/NPR เมื่อปี 2019  พบว่า 86% ของครูระดับ K-12  และ 84% ของผู้ปกครองของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี  เชื่อว่าควรมีการสอนเรื่องภาวะโลกเดือดในโรงเรียน

อย่างไรก็ตาม แม้ได้รับการสนับสนุนล้นหลามให้ประเด็นเร่งด่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรประถมศึกษา แต่อุปสรรคสำคัญประการหนึ่ง คือ มีครูระดับ K-12 ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง เคยศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสภาพอากาศ ก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนมากพอในการสอนวิชานี้ด้วย

มองอนาคต  น่าเสียดายที่ปัญหาClimate Change กลายเป็นเรื่องการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ การบูรณาการเข้ากับระบบการศึกษาของรัฐ อาจขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ ในระดับสูงสุดของรัฐบาลว่าใครจะเรียนอะไร รวมถึงความเชื่อส่วนตัว และความเชื่อทางการเมืองที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจเหล่านั้น

ที่มา

Sustainable Brands

ภาพทั้งหมดสร้างโดย AI

You Might Also Like