NEXT GEN

เลขาธิการ UN จัดลำดับความสำคัญแก้ปัญหาโลกเดือดปี 2025 อย่างไร ?

20 มกราคม 2568…Antonio Guterres เลขาธิการสหประชาชาติ เตือนโลกว่า นับตั้งแต่เกิดข้อตกลงปารีส โลกร้อนขึ้นเป็นประวัติการณ์ทุกปี และมนุษยชาติได้เปิด “กล่องแพนดอร่าแห่งความเจ็บป่วย” ซึ่งเสี่ยงต่อการพลิกโฉม “การดํารงชีวิต”

การกล่าวถึงลําดับความสําคัญสําหรับปี 2025 ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสมัชชาใหญ่ “วิกฤตสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง” เป็นหนึ่งในวิกฤตที่ Guterres มุ่งเน้น เขาเสริมว่า ไฟไหม้ในลอสแองเจลิสเป็นเครื่องเตือนใจถึง “กล่องแพนดอร่า” ของผลกระทบจากภาวะโลกเดือด

“มันเปลี่ยนจากภาพบ้านในภาพยนตร์ภัยพิบัติไปสู่ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจริง”

เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ “เก็บผลกําไร และได้เงินอุดหนุนจากภาษี ทั้งๆที่สินค้าของพวกเขาสร้างความหายนะ” โดยกล่าวว่า พวกเขาไม่ใช่คนที่ต้องจ่ายค่าความเสียหาย แต่จะเป็นทุกคนที่ดํารงชีวิตอยู่ ต้องทนทุกข์กับเบี้ยประกันที่สูงขึ้น ค่าพลังงานที่ผันผวน และราคาอาหารที่สูงขึ้น

ทุกปีนับตั้งแต่เกิดข้อตกลงปารีส ได้ทําลายสถิติอุณหภูมิประจําปี และปี 2024 พุ่งทะลุ 1.5 องศาเซลเซียส แม้รูปกราฟจะ “ค่อยๆ โค้งลง”แต่จําเป็นต้องมีการดําเนินการครั้งใหญ่ในปีนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุด

ถ้าเป็นเช่นนี้ เลขาธิการสหประชาชาติจัดลําดับความสําคัญการแก้ปัญหาภาวะโลกรวนในปี 2025 อย่างไร คำตอบแรก คือ ถึงเวลาแล้วที่จะเพิ่มการเปิดตัวพลังงานหมุนเวียน

“การปฏิวัติพลังงานหมุนเวียนหยุดไม่ได้ และผู้คนทั่วไปจะได้รับประโยชน์  ด้วยค่าครองชีพที่ลดลงและสุขภาพที่ดีขึ้น ความมั่นคงด้านพลังงาน อํานาจอธิปไตยด้านพลังงานที่ดี และหลายล้านคนที่เชื่อมต่อกับพลังงานราคาถูกและเข้าถึงได้” Guterres กล่าว

การประชุม COP28 ที่ดูไบในปี 2023 เกือบ 120 ประเทศให้คํามั่นว่าจะเพิ่มกําลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็นสามเท่าภายในปี 2030 แต่รายงานของสํานักงานพลังงานระหว่างประเทศ ระบุว่า เป้าหมายด้านพลังงานของรัฐบาลไม่บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

แต่ไม่ใช่มีแต่ข่าวร้ายทั้งหมด IEA กล่าวว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนอาจเกินความทะเยอทะยานที่จํากัดของรัฐบาลโลก หน่วยงานเชื่อว่า กําลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนของโลกกําลังจะแซงเป้าหมายปี 2030 ที่รัฐบาลกําหนดไว้เพื่อให้เท่ากับการผลิตของจีน สหภาพยุโรป อินเดีย และสหรัฐอเมริการวมกัน

ข้อมูลน่าสนใจอีกเรื่อง คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกจะถึงจุดสูงสุดในปีนี้

Guterres กล่าวว่า การปล่อยมลพิษทั่วโลกถึงจุดสูงสุดในปีนี้ และลดลงอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น หากเรายังสามารถจํากัดอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นในระยะยาวไว้ที่ 1.5 องศา

ปีนี้ทุกประเทศจะต้องส่งแผนสภาพภูมิอากาศแห่งชาติใหม่ที่เรียกว่า Nationally Determined Contributions (NDCs) ที่สอดคล้องกับเป้า 1.5C เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า พวกเขาต้องลดการปล่อยมลพิษลง 60% ภายในปี 2035

การประเมินแผนสภาพภูมิอากาศของประเทศต่างๆ

ด้วยแผนสภาพภูมิอากาศที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี Guterres เรียกร้องให้มีการตรวจสอบ NDC ของประเทศต่างๆ เพื่อดูว่าเป้าหมายด้านสภาพอากาศระหว่างประเทศนั้นสอดคล้องกันหรือไม่

“เราจะจัดงานพิเศษเพื่อประเมินแผนของทุกประเทศ ผลักดันให้มีการดําเนินการเพื่อให้เป้า 1.5 องศา อยู่ในช่วงที่เป็นไปได้จริง และส่งมอบความยุติธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ”

COP30 มีกําหนดจัดขึ้นที่เมืองเบเลม ประเทศบราซิลช่วงปลายปี หลังจากมีทั้งผลลัพธ์ที่ย่ําแย่ และความน่าประทับใจจาก COP29 ที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจานในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว สหประชาชาติจะพยายามกดดันประเทศต่างๆ เพิ่มเป้าให้สูงขึ้น

เลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

“การต่อสู้เพื่อทำให้ได้ 1.5 องศา จะทำไม่ได้ หากปราศจากการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างรวดเร็ว ยุติธรรม และได้รับทุนสนับสนุนทั่วโลก วันนี้ รัฐบาลทั่วโลกลงทุนในการทําให้เชื้อเพลิงฟอสซิลถูกกว่าที่ทําพลังงานสะอาด ราคาย่อมเยาสําหรับผู้บริโภคมากกว่าเดิมถึงเก้าเท่า”

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เพื่อรักษาภาวะโลกร้อนให้ต่ำกว่าขีดจํากัดที่เป็นอันตราย NDC จําเป็นต้องรวมแผนการสําหรับประเทศต่างๆ ที่จะเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ขณะที่มีการผลักดันครั้งใหญ่จากประเทศผู้ผลิตน้ํามันให้เป้าหมายเฉพาะนี้รวมอยู่ในข้อตกลงระหว่างประเทศ

ที่มา

 

You Might Also Like