31 สิงหาคม 2566…การส่งมอบครั้งนี้ ถือเป็นการจุดประกายให้สังคมเห็นคุณค่าของการคัดแยก และนำพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน โดยสามารถลดปริมาณขยะไปสู่หลุมฝังกลบมากกว่า 9,600 กิโลกรัม
พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน “การส่งมอบโครงการพัฒนาพื้นยางและเฟอร์นิเจอร์อัพไซเคิล สนามกีฬาลานสเก็ตน้ำแข็ง” พร้อมด้วย วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดร. คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GC ดร. สีหศักดิ์ อารีราชการันย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย และ ดร. สุวรรณา ศิลปอาชา กรรมาธิการสหพันธ์สเก็ตน้ำแข็งนานาชาติ ณ ลานสเก็ตน้ำแข็ง ไอวิสอินเตอร์เนชั่นแนล เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง จังหวัดสมุทรปราการ
ดร. คงกระพัน กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นด้วยแนวคิดเดียวกัน ส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อม จึงได้ร่วมกันทำโครงการพัฒนาพื้นยางและเฟอร์นิเจอร์อัพไซเคิล สนามกีฬาลานสเก็ตน้ำแข็ง
“GC ได้นำเทคโนโลยี นวัตกรรม รวมถึงความเชี่ยวชาญในการนำวัสดุใช้แล้วกลับมาสร้างประโยชน์ โดยพัฒนาและสนับสนุน “พื้นยางอัพไซเคิล” ณ ลาน สเก็ตน้ำแข็งไอวิสอินเตอร์เนชั่นแนล เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ ถือเป็นพื้นยางแห่งแรกในประเทศไทยที่นำฉนวนสายไฟใช้แล้วประเภท Crossed link PE มาเป็นวัสดุผสมกับเศษยางและกาวโพลียูรีเทน จากนั้นนำมาขึ้นรูปด้วยวิธีพิเศษ ทำให้เกิดความคงทน ไร้รอยต่อจึงมีความปลอดภัยสูงสำหรับนักกีฬา อีกทั้งยังผ่านการทดสอบการรับแรงกระแทกได้ดี และทนอุณหภูมิติดลบ”
ดร. คงกระพัน กล่าวต่อเนื่อง นอกจากนี้ GC ยังได้ส่งมอบ “เฟอร์นิเจอร์อัพไซเคิล” ที่ผลิตจากวัสดุใช้แล้ว เช่น เศษไม้ และพลาสติกใช้แล้วประเภท LLDPE ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้ นอกจากนี้สมาคมฯ ยังได้เป็นพันธมิตรร่วมกับ GC ในส่วนของ “GC YOUเทิร์น” หรือแพลตฟอร์มการบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วอย่างครบวงจร ตั้งแต่การคัดแยกพลาสติกใช้แล้ว การจัดเก็บ การขนส่ง ไปจนถึงการนำพลาสติกใช้แล้วไปรีไซเคิล และอัพไซเคิลสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งทั้งสององค์กรมีแผนที่จะต่อยอดความร่วมมือด้านการอัพไซเคิลต่อไปในอนาคต
โครงการพัฒนาพื้นยางและเฟอร์นิเจอร์อัพไซเคิล สนามกีฬาลานสเก็ตน้ำแข็งแห่งนี้ ถือเป็นการจุดประกายให้สังคมเห็นคุณค่าของการคัดแยก และนำพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน โดยสามารถลดปริมาณขยะไปสู่หลุมฝังกลบมากกว่า 9,600 กิโลกรัม พร้อมช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 514 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ได้มากกว่า 54 ต้น
