11 กันยายน 2566…เพราะความยั่งยืนแบบเดิมในจุดใดจุดหนึ่งไม่สามารถตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติในภาวะโลกเดือด ที่มีผลกระทบต่อความมั่นของมนุษย์ เรื่องราวของ Regenerative จึงเปิดกว้างกว่าด้วยแนวคิดที่พยายามจะฟื้นคืน และสร้างมูลค่าให้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อส่งมอบคุณค่าที่มากขึ้น ให้แบรนด์เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ท้าทาย สามารถต้านทานและพลิกฟื้นสภาพที่เป็นอยู่ของโลก สังคม ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างดีขึ้น ที่สำคัญต้องการให้แบรนด์มองหาการปรับปรุงระบบวิถีการขับเคลื่อนในแนวทาง Regenerative มากขึ้นสําหรับพวกเราทุกคน เพื่อฟื้นคืนสมดุลโลก สร้างอนาคตที่ทุกชีวิตทั้งคนและธรรมชาติมีความยั่งยืนร่วมกันได้อย่างแท้จริง
ดร. ศิริกุล เลากัยกุล ผู้อำนวยการ SB ประเทศไทย กล่าวถึงรายละเอียดว่างานประชุม SB’23 BANGKOK CHANTHABURI (คลิก) จะนำเสนองานประชุมที่ผสานการเรียนรู้ และ การปฏิบัติจริงบนพื้นที่จริง ที่.จันทบุรี โดยกิจกรรมในงานประชุมจะช่วยนำพาให้ทุกคนรู้จักกับแนวคิด Regenerative ผ่านระบบการเกษตร ระบบอาหาร(Food System) และการฟื้นฟูและสร้างพื้นที่สร้างสถานที่ให้กลับมาสมบูรณ์ (Placemaking) เพื่อให้เป็นระบบเชื่อมต่อที่จะผสานการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา(Resilience) นำสิ่งที่หายไปกลับมา(Restore) และสร้างอนาคตที่ทุกชีวิตทั้งคนและธรรมชาติมีความยั่งยืนร่วมกันได้อย่างจริงแท้(Regenerate) ทั้งในประเทศไทย และในโลกใบนี้
เพราะประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นครัวและคลังอาหารของโลก และจันทบุรีก็เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ หลากหลายทั้งในเรื่อง อาหาร วัตถุดิบการเกษตร และ สถานที่อันอุดมสมบูรณ์ด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยังคงสืบทอดกันอยู่ เราจึงเลือกจัดงานครั้งนี้ที่ทั้งกรุงเทพฯ และจันทบุรี และขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พูดคุยถึงความเป็นไปได้ และสิ่งที่ควรจะทำให้เกิดขึ้น ภายใต้วิถีแนวทางของ Regenerative ผ่านกิจกรรมที่คัดสรร โดยมีนักคิดระดับโลก 2 ท่าน คือ Marc Buckley และ Jenny Andersson มาร่วมแบ่งปันความรู้ พร้อมนำการทำเวิร์คช็อปด้วยตนเอง ในช่วงระหว่างวันที่ 3 – 5 พฤศจิกายน 2566 โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
3 พฤศจิกายน 2566, โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพ เพลินจิต (เวลา 08.30 – 17.30 น.): มาเรียนรู้ พูดคุยกันที่โรงแรมที่เป็นแบรนด์ที่สร้างธุรกิจควบคู่ไปกับความยั่งยืน
Plenary Hall: การเรียนรู้ พูดคุย และแลกเปลี่ยน กับนักคิดและนักปฏิบัติกาและทีมผู้เชี่ยวชาญด้านแนวคิดและการสร้าง Regenerative ระดับโลก: Marc Buckley, Jenny Andersson, Sandra Pina และ ดร.ศิริกุล เลากัยกุล ที่จะนำเสนอ ส่งตรงแนวคิด แนวปฏิบัติจากตัวอย่างจริง เพื่อให้ทุกท่านที่ข้าร่วมงานได้ร่วมกันค้นพบคำตอบว่า ทำไมความยั่งยืนจึงไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว
-มาร์ค บัคลีย์ (Marc Buckley) นักคิด และ นักปฏิบัติการด้านอาหารและตัวแทนความยั่งยืนจาก UN SDG พูดคุยในหัวข้อ “The Regenerative Food System : Food That Save The Future” และร่วมเวิร์คช็อปถึงวิธีที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ในประเทศไทย
-เจนนี่ แอนเดิร์สสัน (Jenny Andersson) ซีอีโอจาก We Activate The Future, ผู้ร่วมก่อตั้ง The Really Regenerative Centre พูดคุยในหัวข้อ “The Regenerative Future : Real Business Cases” และร่วมเวิร์ค ช็อปถึงศักยภาพที่ประเทศไทยจะสามารถทำให้สำเร็จ
-ซานดร้า พิน่า (Sandra Pina) ผู้อำนวยการจาก SB ประเทศสเปน และ ดร.ศิริกุล เลากัยกุล ผู้อำนวยการจาก SB ประเทศไทย พูดคุยในหัวข้อ “Role of The Regenerative Brands” และร่วมเวิร์คช็อปว่าแบรนด์จะทำอย่างไรในการฟื้นคุณค่าจากสิ่งที่คุณมีให้เป็นจริงได้ 60 นาที กับ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องความยั่งยืนอย่างแท้จริง 3 คนมา ตั้งคำถาม และหาคำตอบกับตัวจริง เสียงจริง นักคิดและนักปฏิบัติกาและทีมผู้เชี่ยวชาญด้านแนวคิดและการสร้าง Regenerative ระดับโลก: Marc Buckly, Jenny Andersson เป็น session เพื่อคนรุ่นใหม่ได้ยิน ได้ฟังจากประสบการณ์ และกรณีศึกษาจริงในเรื่อง regenerative ของโลก
Mini Workshops: การเข้าร่วมแลกเปลี่ยนการประชุมแบบปฏิบัติการกลุ่มย่อยถึง 4 กลุ่ม ได้แก่ Regenerative Food กับ Marc Buckley, Regenerative Place กับ Jenny Andersson, Regenerative Branding กับ Sandra Pina และ ดร.ศิริกุล เลากัยกุล, Regenerative THAI กับ ผศ.ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ
-ปิดท้ายด้วย The Regenerative Food Cocktail Reception กับเชฟสเปน และ เชฟคนไทยชื่อดังจากรายการ Iron Chef Thailand ในช่วงเวลา 18.00 – 19.30 น. มาเอร็ดอร่อยและเรียนรู้ไปกับการผสมผสาน อาหารสเปน อาหารไทย ในแนวคิด regenerative ครั้งแรกของประเทศไทยกันในงานนี้
กิจกรรมทั้งหมดนี้เพื่อให้การค้นหาวิธีการดำเนินการสร้าง Regenerative เกิดขึ้นเป็นจริงได้ในการสร้างแบรนด์ สร้างธุรกิจ และ ดำเนินชีวิตควบคู่ โอบอุ้มไปด้วยกันได้อย่างเป็นจริง ยิ่งไปกว่านั้น อยากจะชักชวนผู้เข้าร่วมงานมาสนุกสนานกับการเห็นจากของจริง และจับจ่ายอย่างยั่งยืนกับตลาด Sustainable Market, พอแล้วดี Market รวมถึงการออกร้านจากแบรนด์ทรงคุณค่าของประเทศไทยและสเปน ที่จะมานำเสนอ Regenerative Products ให้ได้สนุกสนาน และมองเห็นว่าแนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่ใกล้แบบทำได้จริง จนเราทุกคนสามารถเรียนรู้และสามารถปรับใช้กับตัวเอง ครอบครัว ชุมชน องค์กร หรือประเทศชาติได้จริงอย่างไม่ยากเกินไป เพียงแค่คิดที่จะเริ่มทำก็มีแนวทางให้ทำทันที
4 พฤศจิกายน 2566, เรือนราย วังสวนบ้านแก้ว มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จันทบุรี: The Regenerative Dinner – The Lost Recipe
อิ่มอร่อยกับมื้ออาหารค่ำของรสจันท์ที่จางหายภายใต้แนวคิดการกู้คืนสูตรตำหรับอาหารเมืองจันทน์ที่แท้จริงให้ฟื้นกลับคืนมา “Herb – Heritage – Hope” มื้อค่ำสุดพิเศษที่หลอมรวมคุณค่าอันหลากหลายของเมืองจันทน์เอาไว้ตามแนวคิด Regenerative สัมผัสกับรสจันทน์ที่กำลังจะจางหาย รับรู้ รับฟังจากปากคนรุ่นเก่า ต้นตำรับอาหารจันทบูรณ์ และเชฟรุ่นใหม่ที่ใส่ใจอดีต และใฝ่หาอนาคตที่สมดุลทุกเมนูที่ได้ดื่มด่ำ จะพานึกย้อน และบันดาลใจให้อยากฟื้นฟูและฟื้นคืนอนาคตของคนกับธรรมชาติให้อยู่ร่วมกันอย่างที่เคยเป็นยั่งยืน
5 พฤศจิกายน 2566, สุธีร์ ออร์แกนิกฟาร์ม จันทบุรี: The Regenerative Food & The Regenerative Placemaking
ร่วมทำกิจกรรม workshop ใน 2 หัวข้อตามที่สนใจ ได้แก่ The Regenerative Food และ The Regenerative Placemaking ร่วมเรียนรู้การนำแนวคิด Regenerative ไปใช้จริงในระบบเกษตร และ อาหาร และระบบการฟื้นฟูเมืองที่ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว แต่เป็นการกอบกู้ชีวิตและเสน่ห์ที่แท้จริงของเมืองจันท์ให้กลับมาอีกครั้ง ผ่านเรื่องราวของวัตถุดิบหลักของจันทบุรี คือ พริกไทย และกระวาน พืชสำคัญของประเทศไทย ที่อุดมคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และแง่มุมประวัติศาสตร์ แต่ปัจจุบันพืชสำคัญสองชนิดนี้กำลังจางหายไป มาร่วมตั้งคำถามและหาคำตอบกับคนจันทบุรีว่าจะฟื้นคืนคุณค่าให้กลับมาได้อย่างไร
ร่วมออกเดินทางร่วมกับ Marc Buckley และ Jenny Andersson เพื่อร่วมเรียนรู้ และหาแนวทางของ Regenerative Food, Regenerative Future แบบอินไซด์ ใกล้ชิด
สำหรับผู้สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้ที่ www.sbthailand.com หรือติดต่อดรุณี โทร. 081-817-0453 เวลา 09.00 – 18.00 น. ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2566 ราคาบัตรเข้าร่วมทุกกิจกรรม เริ่มต้นที่ 30,000 บาท (EARLY BIRD สำหรับทุกกิจกรรม เพียง 27,000 บาท)