7 ตุลาคม 2563…มุ่งกระตุ้นตลาดในประเทศ ขับเคลื่อนไมซ์ด้วยนวัตกรรม มุ่งชิงงานนานาชาติ พร้อมพัฒนาระบบนิเวศไมซ์ไทย ตั้งเป้าดึงนักเดินทางไมซ์ 10.4 ล้านคน สร้างรายได้ 64,000 ล้านบาท
จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานปี 2564 ได้นำปัจจัยโควิด-19 และผลกระทบต่างๆ มาเป็นประเด็นสำคัญ ด้วยแนวคิด “ไมซ์วิถีใหม่ เติบโตอย่างยั่งยืน” มุ่งส่งเสริมการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ และสร้างความเข้มแข็งจากภายในผ่าน 4 แนวทางหลัก
การกระตุ้นตลาดในประเทศ จะมุ่งเน้นกระจายงานสู่ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยทำงานร่วมกับภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น และชาวบ้าน
พร้อมกับยกระดับการจัดงานไมซ์ในภูมิภาคให้เป็นงานระดับประเทศ โดยใช้องค์ประกอบต่างๆ ของชุมชนหรือท้องถิ่นเป็นอัตลักษณ์จุดขายของจุดหมายปลายทาง
ทีเส็บ เร่งกระตุ้นการจัดงานในประเทศทั่วไทย ให้มีการเดินทางโดยเร็วที่สุดภายในไตรมาสแรกปี 2564 ซึ่งแพ็กเกจสนับสนุนหลักในการกระตุ้นการจัดงานไมซ์ในประเทศ คือ การสานต่อ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” อัดฉีดงบประมาณเพิ่มเติมอีก 10 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐและเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกระจายรายได้ไปยังชุมชนในภูมิภาคต่างๆ ผ่านการจัดประชุมสัมมนาในประเทศ โดยสนับสนุนงบประมาณให้แก่องค์กร บริษัท และผู้ประกอบการไมซ์ที่มีแผนจะจัดประชุม (Meetings) การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) งานสัมมนา (Seminars) การอบรม (Training) กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ (Outing) หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ใช้สถานที่ในประเทศภายในเดือนธันวาคมนี้ ขณะเดียวกัน ทีเส็บพร้อมขับเคลื่อนงานแสดงสินค้าในประเทศควบคู่กันไป ผ่านโครงการบูรณาการร่วมมือภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐเอกชน หรือที่เรียกว่า “Empower Thailand Exhibition (EMTEX)” ตลอดปี 2564
การเตรียมดึงงานนานาชาติ ทีเส็บมุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ผ่านเวทีการจัดงานแสดงสินค้าเจาะรายอุตสาหกรรม
เริ่มจากการจัดทำแผนแม่บทงานแสดงสินค้านานาชาติ ภายใต้แคมเปญ “ไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนต์” เป็นกลยุทธ์ขับเคลื่อน และส่งเสริมงานแสดงสินค้านานาชาติในกลุ่มโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน (Logistic & Infrastructure) ตอบโจทย์แนวทางโครงการแผนพัฒนาประเทศระดับมหภาคของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นให้ทั้งภาครัฐและเอกชนสร้างงานใหม่ ขยายงานเดิม กระจายงานสู่ภูมิภาค และประมูลสิทธิ์การจัดงานระดับโลกเข้ามาจัดในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
พร้อมทั้งเปิดตัวแนวคิด “เฟสติวัล อีโคโนมี” การสร้างมรดกทางเศรษฐกิจด้วยการจัดงานเทศกาล โดยส่งเสริมการจัดงานเทศกาลกระจายไปทั่วทุกภูมิภาค เพื่อสร้างมูลค่าและการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้กับพื้นที่และจังหวัดต่างๆ พร้อมเตรียมแผนการเจาะดึงงานไมซ์ในตลาดต่างประเทศผ่านตัวแทนการตลาดใน 7 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อังกฤษ ยุโรป และอเมริกาเหนือ
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม ทีเส็บจะมีมาตรการช่วยเหลือ สนับสนุน และฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ โดยเฉพาะการพัฒนาการจัดงานรูปแบบออนไลน์ (Online) และรูปแบบผสมผสาน (Hybrid)
ในไตรมาสแรกนี้ ทีเส็บเตรียมสนับสนุนการใช้ Virtual Meeting Space (VMS) แพลทฟอร์ม หรือ การส่งเสริมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้าออนไลน์ ประกอบด้วยการจัดแสดงสินค้าผ่านระบบออนไลน์ (Offline to Online – O2O) และการประชุมสัมมนาเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ (Webinar) รวมจำนวน 8 งาน ได้แก่ Thailand Dive Expo (TDEX) งานมหกรรมดำน้ำ, Intercare Asia 2020 งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี นวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ, Coffee and Bakery Fair 2020 งานแสดงสินค้ากาแฟ และเบเกอรี่, Khon Kaen International Motor Expo งานขอนแก่นมอเตอร์โชว์, Chiang Mai Design Week เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่, Global Running Summit การประชุมงานวิ่งมาราธอนระดับโลก, ISURA 2020 Bangkok การประชุมวิชาการทางการแพทย์ด้านวิสัญญี, และ AHC 2020 การประชุมวิชาการพืชสวนแห่งเอเซีย
การพัฒนาระบบนิเวศไมซ์ไทย ทีเส็บวางแผนจัดตั้งศูนย์ประสานการอำนวยความสะดวกธุรกิจไมซ์ (One-Stop Service Center for MICE)
เพื่อให้บริการข้อมูลและคำปรึกษาในการจัดงานเชื่อมโยงธุรกิจครบวงจรด้วยระบบดิจิทัล บูรณาการเพื่ออำนวยความสะดวกด้านกฎระเบียบและมาตรการส่งเสริมธุรกิจไมซ์ รวมทั้งการประสานงานให้บริการจัดงานไมซ์ให้กับหน่วยงานรัฐ นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงการพัฒนาการให้บริการไมซ์เลน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักเดินทางไมซ์ที่เข้ามายังประเทศไทยทั้งในเรื่องของพิธีการตรวจคนเข้าเมือง บริการ Fast Track, Visa on Arrival และการดูแลด้านสุขอนามัย
จิรุตถ์ กล่าวทิ้งท้าย ในปีงบประมาณ 2564 คาดว่าอุตสาหกรรมไมซ์จะเติบโตประมาณ 3.5% โดยไตรมาสแรกภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้มีจำนวนงานที่ทีเส็บให้การสนับสนุนแล้วประมาณ 70 งาน อุตสาหกรรมไมซ์เป็นกลไกสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน และสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งภาคีทุกฝ่ายทั้งรัฐและเอกชนมีความร่วมมือกันอย่างดีเยี่ยม