13-14 ตุลาคม 2564… หากมีการนำเครื่องกำจัดขยะอินทรีย์ไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม จะสามารถลดปริมาณขยะโดยรวม กว่า 60% ลงได้ หรือคิดเป็นงบประมาณกว่า 64 ล้านบาทในแต่ละวัน จากการจัดการขยะอินทรีย์
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช. )กล่าวว่า กิจกรรม NRCT talk ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 10 เพื่อเป็นเวทีให้นักวิจัยได้นำเสนอผลงาน ภายใต้บทบาทของ วช. ในการให้ทุนวิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งการให้รางวัล ประกาศเกียรติคุณ ยกย่องบุคคลหรือหน่วยงานด้านการวิจัยและนวัตกรรม ที่สร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่า เพื่อสร้างแรงจูงใจ และกระตุ้นให้นักวิจัย นักประดิษฐ์ผลิตผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีคุณภาพ ผลักดันไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ในปี 2564 นี้ วช. ได้มอบรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ประเภทผลงานประดิษฐ์คิดค้น ระดับดี สาขาสังคมวิทยา ให้กับสิ่งประดิษฐ์ “เครื่องกำจัดขยะอินทรีย์ภายในครัวเรือนเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ” ของ ดร.นรินทร์ บุญตานนท์ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ช่วยในการลดปัญหาขยะ และการปนเปื้อนขยะอินทรีย์กับขยะประเภทอื่น ๆ อันเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ช่วยให้ปัญหาการจัดการขยะในชุมชนได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธี นับเป็นผลงานที่มีศักยภาพในการพัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือนำไปใช้ในทางอื่นได้ สร้างประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศให้ยั่งยืน
ดร.นรินทร์ หัวหน้าโครงการ เปิดเผยว่า ปริมาณขยะอินทรีย์ ในประเทศไทยมีมากกว่า 40 ตัน ต่อวันในอดีต การกำจัดขยะอินทรีย์ในครัวเรือน เช่น เศษอาหาร เศษผัก จะใช้วิธีการฝังกลบ หรือสร้างถังหมักขยะอินทรีย์ ซึ่งทั้งสองวิธีต้องใช้ระยะเวลานาน อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขลักษณะ ทัศนวิสัย นักวิจัยจึงประดิษฐ์คิดค้นเครื่องกำจัดขยะอินทรีย์ภายในครัวเรือนขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาขยะในครัวเรือนที่ส่งกลิ่นเหม็น และยากต่อการกำจัด โดยสามารถกำจัดขยะอินทรีย์ได้เร็ว ในเวลา 48 ชั่วโมง มีราคาเพียงหลักพัน จากปกติหลักหมื่นบาท มีกรรมวิธีที่เหมาะสม ประหยัดเวลา และพื้นที่ในการจัดการ สามารถลดปัญหาการจัดการขยะที่ต้นทาง ขยะอินทรีย์จึงปนเปื้อนน้อยลง ลดภาระการจัดการของส่วนกลาง ทำให้กระบวนการการคัดแยกขยะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ชุมชนได้รับการแก้ปัญหาอย่างถูกวิธีโดยส่งเสริมให้รับผิดชอบร่วมกัน ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของชุมชน และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
“หากมีการนำเครื่องกำจัดขยะอินทรีย์ไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม จะสามารถลดปริมาณขยะโดยรวม กว่า 60% ลงได้ หรือคิดเป็นงบประมาณกว่า 64 ล้านบาทในแต่ละวัน จากการจัดการขยะอินทรีย์ นอกจากนี้ขยะประเภทอื่น ๆ ที่ไม่ปนเปื้อนกับขยะอินทรีย์ก็ยังสามารถนำไปใช้งานใหม่ หรือใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ได้ ตัวเครื่องผ่านการจดทะเบียนอนุสิทธิบัตรแล้ว ขณะนี้ ได้นำไปใช้ประโยชน์ตามหน่วยงาน ผู้ประกอบการ และกลุ่มบุคคลต่าง ๆ รวม 100 กว่าเครื่อง พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ให้หน่วยงานและชุมชน อาทิ วัด โรงเรียน โรงไฟฟ้า เพื่อให้คนไทยหันมาตระหนักถึงการจัดการขยะมากยิ่งขึ้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ร่วมกับ บริษัท เอ็นไวสมาร์ทเทค จำกัด โดยได้รับการสนับสนุนทุน Pre-Seed จากมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ” ดร.นรินทร์ กล่าวในท้ายที่สุด