14 มีนาคม 2565…เพิ่มอัตราเร่งในการเดินหน้ากลยุทธ์ Greener & Smarter สู่เป้าหมายสร้าง “พลังงานที่ดีขึ้นเพื่ออนาคต”ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมล้ำสมัยมาประยุกต์ใช้เพื่อขยายธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน รองรับเทรนด์แห่งโลกอนาคต
สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปี 2565 นี้ บ้านปูยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน เพื่อเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พอร์ตพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานที่สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานในอนาคตได้รวดเร็วและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยวางแนวทางการดำเนินการในกลุ่มธุรกิจหลักทั้ง 3 กลุ่ม ดังนี้
“ทิศทางต่อจากนี้ บ้านปูยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านองค์กร (Banpu Transformation) ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter และการยึดมั่นในหลัก ESG เรามั่นใจว่า ด้วยประสบการณ์และการเรียนรู้จากช่วงเวลาแห่งความท้าทายตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้บ้านปูสามารถเพิ่มอัตราเร่งกระบวนการ Digital Transformation ซึ่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการขยายพอร์ตฟอลิโอพลังงานที่สะอาดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อการบรรลุเป้าหมาย EBITDA จากธุรกิจพลังงานที่สะอาดและธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานขึ้นมากกว่า 50% และเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้า 6,100 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568”
ทั้งนี้ ตลอดปี 2564 ความต้องการด้านพลังงานโลกเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และยังเป็นปีที่เราประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดในการเดินหน้าขยายพอร์ตพลังงานที่สะอาดขึ้น ด้วยการเข้าลงทุนในสินทรัพย์ด้านพลังงาน ในประเทศยุทธศาสตร์สำคัญของเราอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ ยังมีความเข้มข้นในด้านการพัฒนาความยั่งยืน ด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environmental, Social and Governance: ESG) อย่างเป็นทางการ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้าน ESG ให้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิผลสูงสุด และสำหรับปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับการยอมรับและรางวัลด้านความยั่งยืนจากสถาบันระดับประเทศและระดับโลกมากมาย
สมฤดีกล่าวในท้ายที่สุด ผลการดำเนินงานปี 2564 ถึงรายได้จากการขายรวม 4,124 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 131,861 ล้านบาท) EBITDA 1,778 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 56,846 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 216 และมีกำไรสุทธิ 304 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9,719 ล้านบาท) พลิกกำไรจากปีก่อนหน้าร้อยละ 643