20 เมษายน 2565…บมจ. บ้านปู เพาเวอร์ หรือ BPP ตระหนักภาวะโลกร้อน รวมถึงความมั่นคงทางด้านพลังงานและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานไฟฟ้าอย่างคุ้มค่าใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างสมดุล เพื่อไม่ให้เกิด เหตุการณ์ไฟฟ้าดับ (Blackout)
เหตุการณ์ไฟดับในรัฐอัสสัมของอินเดีย
ในเดือนกรกฎาคม 2555 ถือเป็นเหตุการณ์ไฟดับครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เนื่องจากไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอกับความต้องการในช่วงหน้าร้อน ส่งผลให้ชาวอินเดียกว่า 600 ล้านชีวิตไม่มีไฟฟ้าใช้นานถึง 2 วัน ต้องอยู่ในความมืดท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด ไม่สามารถเปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศระบายความร้อน การสื่อสารถูกตัดขาดเนื่องจากระบบโทรคมนาคมล่ม รวมถึงการคมนาคมหยุดชะงัก ผู้คนไม่สามารถเดินทางสัญจรได้ตามปกติ มีผู้โดยสารตกค้างที่สถานีรถไฟหลายล้านคน
เหตุการณ์ไฟดับที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่เกิดพายุหิมะถล่มในช่วงที่อากาศหนาวเย็นที่สุดในรอบ 30 ปี ที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส เป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน จนน้ำแข็งเกาะกังหันของโรงไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งเป็น หนึ่งในแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญของรัฐเท็กซัส ส่งผลให้ประชาชนไม่มีไฟฟ้าใช้สำหรับสร้างความอบอุ่นในช่วงที่อากาศหนาวจัด จนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 60 รายจากอาการอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ รวมถึงเกิดภาวะขาดแคลนน้ำดื่มและอาหาร ผู้คนต่างพากันกักตุนเสบียงและของใช้จำเป็นต่างๆ ในการดำรงชีวิต
2 เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากการขาดความพร้อมและความมั่นคงในการส่งมอบพลังงาน (Availability & Stability of Supply) และการผลิตพลังงานไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ ที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยและการดำเนินชีวิตของผู้คนจำนวนมากโดยเฉพาะในกรณีเกิดเหตุขัดข้องหรือภัยพิบัติจากธรรมชาติ ในทางปฏิบัติปัจจุบันที่เทคโนโลยีด้านการผลิตพลังงานบางประเภทยังมีข้อจำกัด ทั้งในด้านความต่อเนื่องในการผลิต ความต้องการไฟฟ้าที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา และราคาต้นทุนการผลิตไฟฟ้า การสร้างความสมดุลของแหล่งพลังงานที่หลากหลายจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องมีเสถียรภาพ จึงมีความสำคัญ
ขณะเดียวกัน การเพิ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ที่พร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่แปรปรวนสำหรับโรงไฟฟ้าบางประเภทก็มีความจำเป็นเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ การบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ในการผลิตไฟฟ้า เพื่อรับมือกับปัจจัยภายนอกหรือภาวะวิกฤตต่างๆ อาทิ แผ่นดินไหว ภัยจากสึนามิ หรืออาชญากรรมทางไซเบอร์ ก็ถือเป็นภารกิจสำคัญของผู้ผลิตพลังงานที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากรณีข้างต้นเลย BPP จึงให้ความสำคัญกับการบริหารพอร์ตฟอลิโอของธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้สอดคล้องกับ
ความยั่งยืนด้านพลังงานด้วยหลัก ARE ประกอบด้วย 3 หัวใจหลักคือ
การส่งมอบพลังงานในราคาที่สมเหตุสมผล (Affordable) จับต้องได้ ทุกคนต้องเข้าถึงพลังงานได้ เพราะแต่ละพื้นที่มีนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลที่แตกต่างกัน พลังงานในราคาที่สมเหตุสมผลจึงเป็นเรื่องสำคัญ มีเสถียรภาพ
ในการส่งมอบพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง (Reliable) พลังงานที่ยั่งยืนต้องสามารถส่งมอบได้เพียงพอกับความต้องการใช้ โดยไม่มีการสะดุดหยุดชะงัก ไม่เช่นนั้นจะส่งผลให้เกิดการขาดแคลนไฟฟ้า และไฟฟ้าดับในพื้นที่ต่างๆ
เป็นมิตรต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly) ทั้งการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และการนำเทคโนโลยี HELE หรือ High Efficiency, Low Emissions เข้ามาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจตามหลักสามเหลี่ยมแห่งความสมดุล (Economic – Environment – Security of Supply) ในพื้นที่ต่างๆ นั่นคือ สามารถตอบโจทย์ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีเสถียรภาพ เพื่อส่งมอบพลังงานไฟฟ้าที่สร้างคุณค่าต่อการดำเนินชีวิตและขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ตอบสนองความต้องการพลังงานตามบริบทและกฎกติกาที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
BPP ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance: ESG) เป็นสำคัญ พร้อมนำเทคโนโลยี ที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิตไฟฟ้า เพื่อตอบรับกับแนวทางการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องทำให้สำเร็จในฐานะผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้า เพื่อร่วมขับเคลื่อนทุกคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคม ไปพร้อมๆ กับการดูแลโลกให้น่าอยู่อย่างยั่งยืนเพื่อคนรุ่นหลังต่อไป