6 กันยายน 2565…โดยจะอยู่ในโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัยทั่วประเทศกว่า 100 โครงการ มุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยลดโลกร้อน เอสซีจี มีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าที่ได้รับการรับรองฉลาก SCG Green Choice ให้เป็น 2 ใน 3 ภายในปี 2030
นิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี และไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า
“เอสซีจีออกฉลากรับรองตนเองด้านความมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับสินค้า และบริการของเอสซีจี หรือ SCG Green Choice คุณเลือก เพื่อโลกได้ มาเป็นตัวช่วยผู้บริโภคในการเลือกผลิตภัณฑ์ให้ง่ายยิ่งขึ้น และมั่นใจได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่รักษ์โลกและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งาน”
ฉลาก SCG Green Choice ให้การรับรองผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้
1)เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าผ่านกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ด้านการประหยัดพลังงาน
2) ยืดอายุการใช้งาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน
3) เสริมสร้างสุขอนามัยที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย
ในขณะที่ศุภาลัยซึ่งอยู่ภายใต้แนวคิด Green Design เน้นการประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“ในปี 2565 นี้บริษัทฯ มีการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 25% ภายใน 3 ปี เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการลดก๊าซเรือนกระจก และเป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก พร้อมร่วมกับพันธมิตรธุรกิจที่มีนโยบายดูแลสิ่งแวดล้อม อย่างเอสซีจี โดยจะเลือกใช้วัสดุที่ประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน ประหยัดทรัพยากรและยืดอายุการใช้งานของวัสดุในโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัยทั่วประเทศกว่า 100 โครงการ รวมถึงการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 นี้จำนวน 34 โครงการ ทำให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัย สามารถประหยัดค่าน้ำประปาเช่น การช่วยลดการใช้น้ำในครัวเรือนได้ถึง 516,787,053 ลิตรต่อปี” ไตรเตชะกล่าว
นิธิ ขยายความต่อเนื่อง จากการเลือกใช้สินค้าที่ได้รับการรับรองฉลาก SCG Green Choice ยังมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตวัสดุ 564 ตัน เทียบเท่าปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ 47,000 ต้นภายใน 1 ปี ด้วยการใช้วัสดุคอนกรีตรักษ์โลก ซีแพค อิฐมวลเบา คิวคอน และไม้เชิงชาย เอสซีจี ขณะที่กระเบื้องปูพื้นและบุผนัง เซรามิก กระเบื้องเกรซพอสเลน กระเบื้องโมเสก คอตโต้ ช่วยประหยัดน้ำจากการผลิตวัสดุ 7,650,132 ลิตร อีกทั้งฉนวนกันความร้อน เอสซีจี ทดแทนการใช้ทรายธรรมชาติ กระเบื้องหลังคาคอนกรีต เอสซีจี รุ่นซีแพค ทดแทนการใช้ปูนซีเมนต์ โครงหลังคาสำเร็จรูป เอสซีจี ประหยัดการใช้เหล็ก ทั้งนี้การใช้วัสดุต่างๆ ดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละโครงการของศุภาลัย
ความร่วมมือของ 2 พันธมิตรรายใหญ่ ที่ดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดการพัฒนาทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม หรือ ESG (Environmental, Social, Governance) ในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมก่อสร้างให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้เติบโตยั่งยืน ควบคู่กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมต่อไปในอนาคต รวมถึงช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ในด้านการอยู่อาศัยให้กับทุกคน