ALTERNATIVE

ผู้บริโภคสามารถเข้าถึง “แบรนด์บางจาก” ได้ง่ายขึ้น หลังผู้ถือหุ้นอนุมัติการเข้าซื้อหุ้น ESSO

12 เมษายน 2566…การเข้าทำธุรกรรมครั้งนี้ เมื่อแล้วเสร็จ จะเป็นการต่อยอดธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจากที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภค ชุมชนและสิ่งแวดล้อม มีการประหยัดต่อขนาด การลดต้นทุนทางธุรกรรม

ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566

วาระสำคัญคือ พิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO จากบริษัท ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd จำนวน 2,283,750,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 65.99% และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดจาก
ผู้ถือหุ้นรายย่อย จํานวน 1,177,108,000 หุ้น หรือ 34.01% ของหุ้นสามัญที่ออกและจําหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ ESSO ในราคาเดียวกันกับราคาซื้อหุ้นสามัญ ESSO จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. ด้วยคะแนนเสียง 797,134,359 คะแนน หรือคิดเป็น 99.8583% ของจำนวนเสียงผู้ที่มาประชุมและ
มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยบริษัทฯ จะดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ ต่อไป คาดว่าธุรกรรมจะเสร็จสิ้นภายในครึ่งหลังของปี 2566 ตามกรอบระยะเวลาที่วางไว้

“การเข้าทำธุรกรรมครั้งนี้ เมื่อแล้วเสร็จ จะเป็นการต่อยอดธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจากที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภค ชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยเมื่อเกิดการประหยัดต่อขนาด การลดต้นทุนทางธุรกรรม จะมีการส่งต่อผลประโยชน์ดังกล่าวให้กับผู้บริโภคดังที่เคยเป็นมาในช่วงน้ำมันราคาสูงเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนั้น สถานีบริการที่เพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึง แบรนด์บางจาก ได้ง่ายขึ้น ตลอดจนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ผมขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่าน ที่ให้ความเชื่อมั่นและสนับสนุนบางจากฯ อย่างดีในการลงทุนครั้งนี้ คณะกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานทุกคนยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและยั่งยืนต่อผู้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจทุกภาคส่วนต่อไป”

ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติจัดสรรกำไรเพื่อจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2565 ในอัตรา 1.25 บาทต่อหุ้น จะรวมเป็นเงินปันผลที่จ่ายในปี 2565 ในอัตรา 2.25 บาทต่อหุ้น

 

You Might Also Like