11 สิงหาคม 2566… ซามูเอล ซิกริสต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอส ไอ จี กล่าวว่า เป็นความมุ่งมั่นที่ท้าทายที่สุดที่มีให้ผ่านแนวทาง SBTi จากบริษัทกว่า 2,000 แห่งทั่วโลกที่มีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เอส ไอ จีเป็นหนึ่งใน 300 บริษัทแรกที่ดำเนินการตามแนวทางมาตรฐานโดยอิงเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (SBTi)
แอนเจลา ลู ประธานและผู้จัดการทั่วไปของเอส ไอ จี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า ทิศทางใหม่ในการดำเนินธุรกิจของเอส ไอ จี มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลก (net-positive) รวมถึงการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อ “สิ่งที่ดีกว่า” ได้ส่งมอบคุณค่าต่างๆ มากมายให้กับผู้คนและโลกใบนี้
“เรามุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยคาร์บอนจากผลิตภัณฑ์ต่อไปจนกว่าจะสามารถดูดซับกลับคืนมาจากชั้นบรรยากาศ มากกว่าที่ปล่อยออกไปในขณะเดียวกันก็รับประกันว่า เอส ไอ จี จะพัฒนานวัตกรรมด้านความยั่งยืนเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มไปยังผู้บริโภคทั่วโลก ด้วยวิธีการที่มีความปลอดภัย ภายใต้กรอบความยั่งยืน และราคาที่สมเหตุสมผล”
เป้าหมายระยะสั้นใหม่ของเอส ไอ จี ภายในปี 2573 (คิดจากปีฐานในปี 2563) ได้แก่:
• ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 11 และ ขอบเขตที่ 21 รวมกันที่ 42%
• ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2573
• ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 31 ลง 51.6% ต่อปริมาตรการบรรจุหน่วยลิตร
เป้าหมายระยะยาวใหม่ของเอส ไอ จี ในปี 2593 ได้แก่:
• ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 1 และ ขอบเขตที่ 2 รวมกันที่ 90%
• ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 3 ลง 97% ต่อปริมาตรการบรรจุหน่วยลิตร
“การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ตามแนวทางมาตรฐานการส่งเสริมให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอิงกับเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (SBTi) ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทของบริษัท ในการลดก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินธุรกิจและการผลักดันให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท เป้าหมายใหม่ของเอส ไอ จี มีความท้าทายกว่าเป้าหมายก่อนหน้านี้อย่างมาก และเรายินดีที่จะเร่งผลักดันการดำเนินธุรกิจตามแนวทางมุ่งสู่เป้าหมายใหม่ให้เร็วขึ้น โดยเราได้ร่วมเป็นหนึ่งใน 300 บริษัทแรกที่ดำเนินการตามแนวทางมาตรฐานโดยอิงเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ SBTi ซึ่งเป้าหมายใหม่นี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้มีส่วนได้เสียของเอส ไอ จี”
โรงงานเอส ไอ จี ที่จ.ระยอง นับเป็นโรงงานแห่งแรกในภูมิภาคนี้ ที่ติดตั้งหลังคาที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์แล้วเสร็จในปี 2561 ครอบคลุมพื้นที่ 17,664 ตารางเมตร เป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ทั้งสิ้น 12,350 แผง สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 5,675 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 12,871 ตัน นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 เทียบเท่ากับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการปลูกต้นไม้ 280 – 415 ต้น หรือคิดเป็นพื้นที่ป่ากว่า 10,000 ตารางเมตร
ผลิตภัณฑ์ของเอส ไอ จี มีส่วนสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่า(ขอบเขตที่ 3) ซึ่งครอบคลุมถึงจำนวนและประเภทของวัตถุดิบที่ใช้ โดยจากนี้เป็นต้นไปบริษัทจะให้ความสำคัญกับการลดการใช้อลูมิเนียมฟอยล์ในบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ ในทำงานร่วมกับบริษัทคู่ค้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน และพัฒนาการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในเครื่องบรรจุภัณฑ์รุ่นใหม่ รวมถึงการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วสู่กระบวนการรีไซเคิลให้มากยิ่งขึ้น