4 มีนาคม 2567…Unilever เปิดตัวโครงการเกษตรฟื้นฟูแห่งแรกในสหราชอาณาจักรในปีนี้ โดยทํางานร่วมกับฟาร์มในอังกฤษที่ปลูกเมล็ดมัสตาร์ด และใบสะระแหน่ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Colman’s นอกจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอาหารอย่าง General Mills, Kellogg’s, Nestlé และ PepsiCo แล้ว Unilever ยังใช้พลังระดับโลกที่มีกับห่วงโซ่อุปทานทางการเกษตร เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพของดิน และรับประกันการได้รับพืชผลต่อเนื่องในระยะยาว
การมุ่งเน้นใหม่เกี่ยวกับสะระแหน่ และมัสตาร์ด เกิดขึ้นจากโครงการระดับโลกที่ได้เห็นการนําหลักการเกษตรฟื้นฟูของUnilever มาใช้ เพื่อปลูกส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ของ Hellmann (น้ํามันถั่วเหลือง) และคนอร์ (มะเขือเทศ) ในอาร์เจนตินา ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และสหรัฐอเมริกา
Unilever ทั่วโลกมุ่งมั่นที่จะลงทุนในแนวทางการเกษตรฟื้นฟูบนพื้นที่และป่าไม้ 1.5 ล้านเฮกตาร์ภายในปี 2030 ซึ่งช่วยให้มั่นใจถึงความมั่นคงด้านอาหาร และความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน
“ดินที่อุดมสมบูรณ์สําคัญต่อธุรกิจอาหารทั้งหมด เราไม่เพียงต้องปกป้อง แต่ต้องช่วยฟื้นฟูดินและพื้นที่เพาะปลูกที่ใช้ในการปลูกพืชผลและส่วนผสมทุกวัน” Andre Burger หัวหน้าฝ่ายโภชนาการของ Unilever UK &Ireland กล่าว “Colman’s เป็นเครื่องปรุงรสหลักของอังกฤษ และโครงการเกษตรฟื้นฟูใหม่ของเราจะช่วยให้มั่นใจถึงอุปทานที่ยั่งยืน อนาคตของส่วนผสม ฟาร์มที่ใส่รสชาติที่ยิ่งใหญ่ลงในผลิตภัณฑ์ของเรา”
ทํางานกับฟาร์มจัดหาวัตถุดิบให้ Colman’s มาแล้ว 200 ปี
ขั้นต้น โครงการจะทดลองใช้แนวทางเกษตรฟื้นฟูในฟาร์มมัสตาร์ดและมินต์ทั่วนอริชและปีเตอร์โบโรห์เป็นเวลา 4 ปี รวมถึงฟาร์มมัสตาร์ดที่ทำงานร่วมกับ Colman’s มานานกว่า 200 ปี โดยพืชผลผลิตล็อตแรกของโครงการจะหว่านในเดือนหน้า
โครงการนี้เป็นความร่วมมือของ Unilever และสหกรณ์การเกษตร 2 แห่ง ได้แก่ English Mustard Growers และ Norfolk Mint Growers กับกลุ่มพันธมิตรด้านเทคนิคและวิชาการ Farmacy และ National Institute of Agricultural Botany (NIAB) ออกแบบมาเพื่อจัดการกับความท้าทายและความต้องการเฉพาะของพืช ฟาร์มจะทดลองใช้แนวทางการเกษตรฟื้นฟูใหม่ เพื่อลดการใช้ยาฆ่าแมลง ใช้ระบบชลประทานดิจิตอลแบบใหม่ และลดพื้นที่เพาะปลูกลง
“เช่นเดียวกับเกษตรกรทุกคน เรากําลังเผชิญกับความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยตรงบนที่ดินของเรา” Michael Sly MBE เกษตรกรมัสตาร์ดให้ความเห็น “ภายใต้ความร่วมมือกับกลุ่มผู้ปลูกมัสตาร์ดในอังกฤษ เรากําลังอยู่บน Journey เดียวกับ Unilever และ NIAB บูรณาการแนวทางเกษตรฟื้นฟู ซึ่งรวมถึงกระบวนการตรวจวัดที่เข้มข้น เพื่อเพิ่มผลผลิต ปรับปรุงสุขภาพของดิน ควบคู่ไปกับการรักษารสชาติของผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม”
การวัดความสําเร็จ
Unilever ได้ทํางานร่วมกับฟาร์ม เพื่อรวบรวม สร้างข้อมูลพื้นฐาน และกรอบการทํางาน เพื่อวัดผลกระทบของแนวทางปฏิบัตินี้ในช่วง 4 ปี รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพดิน การใช้ปุ๋ย ความหลากหลายทางชีวภาพ ประสิทธิภาพการใช้น้ํา การลดคาร์บอน ตลอดจนผลกระทบต่อผลผลิตและกําไรของฟาร์ม บริษัทยังให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุงการรวบรวมข้อมูลในฟาร์ม รวมถึงอุปกรณ์ที่จะสามารถวัดระดับคาร์บอนในดินในแหล่งกําเนิดได้
“เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น และผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงต่อไป เราจําเป็นต้องทํางานภายใต้สภาพอากาศของเรา ซึ่งหมายถึงการปรับแนวทางปฏิบัติ ” David Bond เกษตรกรผู้ปลูกมินต์กล่าว “โครงการใหม่นี้กับ Unilever จะช่วยให้เราสามารถนําแนวทางการเกษตรฟื้นฟูไปใช้ในวงกว้าง ควบคู่ไปกับการวัดผล และการวิเคราะห์ที่มากขึ้นจากความร่วมมือของเรากับ NIAB เพื่อให้สามารถเรียนรู้และปรับปรุงต่อไปในอนาคต”
ในฐานะสมาชิกของ Sustainable Agriculture Initiative (SAI) Platform เมื่อปีที่แล้ว Unilever ร่วมมือกับบริษัท FMCG และสหกรณ์เกษตรกรอื่น ๆ สนับสนุนการพัฒนากรอบการทํางานระดับโลก Regenerating Together ใหม่ของ SAI ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติด้านการฟื้นฟูภาคการเกษตรทั่วโลก ภายใต้กรอบการทํางานและความเข้าใจร่วมกันว่าผลลัพธ์ที่วัดได้เป็นสิ่งจําเป็นสําหรับห่วงโซ่อุปทานอาหารที่ยืดหยุ่น
ที่มาข่าว
ที่มาภาพเปิดเรื่อง