6 กุมภาพันธ์ 2568…กรมพัฒนาที่ดิน, สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI), สมาคมดินโลก, มูลนิธิดั่งพ่อสอน และมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อฟื้นฟูดินและจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน มุ่งสร้างระบบ Regenerative Soil ฟื้นฟูความสมบูรณ์ของดิน สร้างระบบเกษตรที่เกื้อกูลต่อสิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
สถานการณ์ดินไทย
ฟื้นฟูหรือปล่อยให้เสื่อม?
ปัจจุบัน ดินของประเทศไทยเผชิญกับปัญหาความเสื่อมโทรมจากการใช้สารเคมีอย่างหนัก การชะล้างหน้าดิน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาที่ดินระบุว่า ในพื้นที่เกษตรกว่า 153 ล้านไร่ ของประเทศ มีเพียง 73 ล้านไร่ เท่านั้นที่มีดินดี-น้ำดี ขณะที่อีก 73 ล้านไร่ เป็นดินดีแต่น้ำไม่พอ และที่น่ากังวลคือ 37 ล้านไร่ อยู่ในสภาวะดินเสื่อมโทรมและขาดแคลนน้ำ
“ถ้าดินเสื่อมคุณภาพ ระบบอาหารก็จะล่มสลาย เราต้องพลิกฟื้นดินให้กลับมาเป็นต้นทางของอาหารที่ยั่งยืน” ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร หรือ อาจารย์ยักษ์ นายกสมาคมดินโลก กล่าว
Regenerative Soil
ฟื้นดิน คืนชีวิตให้สิ่งแวดล้อม
Regenerative Soil เป็นแนวทางที่ไม่เพียงป้องกันการเสื่อมของดิน แต่ยังช่วยฟื้นฟูดินให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ แนวทางหลักของโครงการนี้ ได้แก่
✅ อนุรักษ์ดินและน้ำ – ลดการชะล้างหน้าดิน ฟื้นฟูระบบนิเวศต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
✅ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในดิน – ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมี
✅ ฟื้นฟูพื้นที่ดินเสื่อมโทรม – ดินเค็ม ดินเปรี้ยว ดินทราย ผ่านการใช้พืชคลุมดิน และเทคนิคปรับปรุงดิน
✅ ส่งเสริมเกษตรกรเป็นนักฟื้นฟูดิน – สนับสนุนให้เกษตรกรใช้แนวทางเกษตรเชิงนิเวศและลดการเผา
“ปัจจุบัน ประเทศไทยเสียหน้าดินจากการชะล้างถึง 600 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงจนน่าตกใจ การทำเกษตรที่ไม่ยั่งยืนจะยิ่งเร่งการสูญเสียดิน เราต้องเปลี่ยนจากการใช้ทรัพยากรไปสู่การฟื้นฟู” ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) กล่าว
การขับเคลื่อน
บทบาทของภาคีเครือข่าย
MoU ครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการงานฟื้นฟูดินอย่างเป็นระบบ โดยแต่ละองค์กรมีบทบาทที่ชัดเจน เช่น
กรมพัฒนาที่ดิน – จัดการดินเสื่อมโทรม พัฒนาแนวทาง Regenerative Soil
TEI – สร้างองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและความเชื่อมโยงของดินกับภาวะโลกร้อน
สมาคมดินโลก – ร่วมมือระดับนานาชาติ ถ่ายทอดองค์ความรู้จากเวทีโลก
มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ – ขับเคลื่อนเกษตรกรต้นแบบให้เป็น “นักฟื้นฟูดิน”
นอกจากนี้ รัฐบาลยังเตรียมผลักดัน กฎหมายลูกภายใต้ พ.ร.บ.พัฒนาที่ดิน เพื่อให้ประชาชนสามารถเป็น “ผู้ช่วยดูแลดิน” ในชุมชนของตนเอง
“ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูดิน เพราะถ้าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของภาครัฐเพียงอย่างเดียว งบประมาณไม่พอแน่นอน เราต้องทำให้ทุกคนเป็นเจ้าของดิน ไม่ใช่แค่ผู้ใช้” ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าว
ก้าวต่อไป
จากนโยบายสู่การปฏิบัติ
ภายใน 3 ปีของความร่วมมือ จะมีการลงพื้นที่พัฒนา“ศูนย์ความเป็นเลิศด้านดิน” หรือ TESRA Center ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อเป็นต้นแบบของการฟื้นฟูดิน นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดทัวร์ศึกษาดูงานสำหรับนักวิชาการ เกษตรกร และสื่อมวลชน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์จริงของแนวทาง Regenerative Soil
“เราต้องลงมือทำทันที ไม่ใช่แค่พูด ถ้าไม่เริ่มวันนี้ อีก 10 ปีข้างหน้า เราอาจไม่มีดินให้ปลูกพืชอีกต่อไป” อาจารย์ยักษ์ กล่าวทิ้งท้าย