13 มีนาคม 2568…เนสท์เล่ ประเทศไทย เร่งขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero 2050 ใช้ Regenerative Agriculture (เกษตรเชิงฟื้นฟู) และ Biodiversity Net Gain (การฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ) เป็นกลไกสำคัญในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน ตั้งเป้าให้ 20% ของวัตถุดิบหลัก มาจากเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูภายในปี 2025 และเพิ่มเป็น 50% ภายในปี 2030 พร้อมดำเนินโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศทางน้ำ เช่น คลองขนมจีน ซึ่งช่วยให้ความหลากหลายทางชีวภาพกลับคืนมา
วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า เนสท์เล่ ประเทศไทย ได้ดำเนินงานตามสองกลยุทธ์หลักที่สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าว คือ ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) และขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) ที่มุ่งสู่ Net Zero หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050
“ในฐานะบริษัทอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก เนสท์เล่เชื่อมั่นในการมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาฟื้นฟูระบบอาหารและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่เกษตรกร ชุมชน และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ จากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน ซึ่งในปี 2025 นี้ เนสท์เล่ ประเทศไทย มีความคืบหน้าด้านการขับเคลื่อนความยั่งยืนในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง”

ภาพจากซ้ายไปขวา
ศิรวัจน์ ปิณฑะดิษ นักวิชาการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด
ศุภวัฒน์ คามีเยาน์ ผู้จัดการด้านความยั่งยืนธุรกิจน้ำดื่มเนสท์เล่ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด
เจนิกา คอนเด ครูซ หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมองค์กรและความยั่งยืน บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด
วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า
นิภาวรรณ โดดเสนา นักวิชาการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด
วันฉัตร ผลทวี ผู้จัดการฝ่ายบรรจุภัณฑ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด
กันต์ เขมาชีวะกุล ผู้จัดการฝ่ายความยั่งยืน บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด
4 แผนงานหลักสู่ความยั่งยืนของเนสท์เล่ ประเทศไทย
1.จัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน (Sustainable Sourcing)
เนสท์เล่ส่งเสริม Regenerative Agriculture (เกษตรเชิงฟื้นฟู) โดยตั้งเป้าให้ 20% ของวัตถุดิบหลัก มาจากเกษตรกรที่ใช้แนวทางนี้ภายในปี 2025 และเพิ่มเป็น 50% ภายในปี 2030 ปัจจุบัน เมล็ดกาแฟ 100% ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เนสท์เล่มาจากแหล่งผลิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความยั่งยืน และกำลังขยายแนวทางนี้ไปยัง การผลิตน้ำนมดิบจากโคนม
โครงการ Dairy Net Zero ช่วยให้เกษตรกรฟาร์มโคนมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 5,000 ตันในปี 2023 พร้อมเพิ่มคุณภาพและปริมาณน้ำนมดิบ และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในฟาร์ม
2. ดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน (Water Stewardship)
เนสท์เล่ให้ความสำคัญกับการดูแล ทรัพยากรน้ำ ผ่านโครงการ “เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ” และการพัฒนา คลองขนมจีน ซึ่งช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศทางน้ำให้สมบูรณ์ขึ้น ปัจจุบันพบว่า สัตว์น้ำและแมลงปอหลากหลายชนิดกลับคืนสู่ระบบนิเวศ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดคุณภาพน้ำที่ดีขึ้น
โรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ที่อยุธยาและสุราษฎร์ธานี ตั้งเป้า คืนปริมาณน้ำที่ใช้กลับคืนสู่ธรรมชาติและชุมชน 100% คิดเป็น มากกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมเดินหน้าสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์แหล่งน้ำอย่างยั่งยืน
3. ความยั่งยืนด้านบรรจุภัณฑ์ (Sustainable Packaging)
เนสท์เล่ดำเนินโครงการ ลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ลง 1 ใน 3 และพัฒนา บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ 100% เช่น
-ขวดน้ำดื่มมิเนเร่และเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล (rPET)
-บรรจุภัณฑ์ Mono Structure รีไซเคิลได้ง่ายขึ้น
-โครงการรีไซเคิลขยะ เช่น BOTTLE MADE FROM BOTTLES และ Careton กล่องนมรักษ์โลก
4. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Emission Reduction)
เนสท์เล่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% ภายในปี 2030 และมุ่งสู่ Net Zero 2050 โดยใช้แนวทาง
-พลังงานหมุนเวียน 100% ในโรงงานผลิตของเนสท์เล่ทั้ง 8 แห่งและศูนย์กระจายสินค้า
-ลดการใช้พลังงานในกระบวนการขนส่ง และเพิ่มการใช้รถขนส่งพลังงานสะอาด
-เพิ่มการดูดซับคาร์บอนผ่านระบบเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู
พร้อมกันนี้ ได้ส่งแคมเปญสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยร่วมดูแลโลก “เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้” เนสท์เล่ส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมผ่านแคมเปญ “Every Little Act Matters – เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้” โดยกระตุ้นให้คนไทยตระหนักว่า “สิ่งเล็กๆ ที่เราทำทุกวัน สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกได้จริง”
เจนิกา คอนเด ครูซ หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมองค์กรและความยั่งยืน บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า
“แคมเปญนี้ช่วยให้ทุกคนเห็นว่า พฤติกรรมเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการแยกขยะ การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือการใช้น้ำและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อว่า ทุกการกระทำเล็กๆ ล้วนมีพลังในการเปลี่ยนแปลง และเนสท์เล่เชื่อว่าการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ต้องเริ่มจากวันนี้”
วิคเตอร์ เซียห์ กล่าวทิ้งท้ายถึงความมุ่งมั่นดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าการสร้างระบบอาหารที่ดีขึ้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
“เราขอเชิญชวนให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของเราและโลกใบนี้”