BIODIVERSITY & REGENERATIVE

SDGs 17 Partnerships ไปพร้อมกันกับ SME ไทย ปักหมุด อาเซียน จีน&อินเดีย

12 กุมภาพันธ์ 2562… ตั้งใจไปกับเอสเอ็มอีไทยที่อยากต่อยอดต่างประเทศทั้งพลังงาน เกษตร ยานยนต์ เครื่องจักรกล โรงแรม ใช้ความเชี่ยวชาญเอสซีจี อินเตอร์ฯ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศแบบครบวงจรด้านโซลูชั่น ดิจิทัล

จากบริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด มาสู่ บริษัท เอสซีจี เทรดดิ้ง จำกัด และล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการดำเนินธุรกิจในฐานะตัวกลาง จำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ

“เราใช้ Digital Platform แบบ B2B ช่วยเอสเอ็มอีในประเทศไทย ที่ต้องการต่อยอดขายและขยายตลาดต่างประเทศเช่นสินค้า บริการ โซลูชั่นด้านการเกษตร อุตสาหกรรมยานยนต์ สินค้าอุปโภค บริโภค”
บรรณ เกษมทรัพย์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เล่าถึงการทำงานกับพาร์ทเนอร์ที่จะต้องเดินไปพร้อมกัน ซึ่งไม่เพียงเอสซีจี อินเตอร์ฯ จะทำหน้าที่พาร์ทเนอร์ที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ด้านหนึ่งยังต้องทำหน้าที่นำลูกค้าต่างประเทศของบริษัท ที่สนใจเอสเอ็มอีไทยในแต่ละธุรกิจเข้ามาดูงาน ดูโรงงาน กำลังการผลิตในประเทศไทยด้วย

ทั้งนี้ แนวคิด SDGs 17 ของเอสซีจี อินเตอร์ฯ ข้างต้น เป็นหนึ่งในการปรับแผนการดำเนินธุรกิจครั้งนี้ ได้แก่

1.มุ่ง Customer Centric ในฐานะ End-to-End Supply Chain Solution Provider พร้อมให้บริการแบบ One-Stop Interface ด้วยการนำจุดแข็งด้านการเป็น Regional Expert ของเครือข่ายในต่างประเทศทั่วโลกที่เข้าใจความต้องการเชิงลึกของลูกค้าแต่ละพื้นที่มาใช้วิเคราะห์ธุรกิจของลูกค้าพร้อมนำเสนอโซลูชั่นสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร ตั้งแต่การหาตลาดใหม่ๆ การพัฒนาตลาด จัดจำหน่ายสินค้า และจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพ

วันเปิดตัวอย่างเป็นทางกลาง ท่ามกล่างคู่ค้าและพันธมิตรทั่วโลกกว่า 2,000 ราย

2.นำ Data Analytics, IOT, Artificial Intelligence (AI) และ Robotic Process Automation (RPA)จากทั่วโลกมาใช้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการดำเนินธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็ว ช่วยให้สามารถบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ (Digital Platform) สำหรับลูกค้าองค์กรขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วอาเซียนโดย

บรรณ กล่าวเพิ่มเติมเรื่องนี้ โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับ Ralali.com ซึ่งปัจจุบันถือเป็น B2B Online Marketplace ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอินโดนีเซีย พัฒนาช่องทางการขายสินค้าออนไลน์บริการจัดการคลังสินค้า โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปีนี้ นอกจากนี้ ยังได้พัฒนา B2B Smart Energy โดยนำ AI และเซ็นเซอร์ มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการปรับปรุงการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตของโรงงานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3.มี Services and Solutions จัดหาสินค้าที่มีคุณภาพจากทั่วโลก รวมถึงจีนและอินเดีย ซึ่งเอสซีจี อินเตอร์ฯ ช่วยดูแลตั้งแต่กระบวนการผลิตให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ ตลอดจนการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ตรงตามกำหนด

“นอกจากนี้ยังพัฒนาโซลูชั่นด้านการก่อสร้างแบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชียใต้ภายใต้แนวคิด
Smart Build ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าผ่าน www.scgsmartbuild.com ทั้ง ยังได้จับมือคู่ค้าต่างชาติจัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท สยาม เซย์ซอน จำกัด ให้บริการ Smart Financial Solution บริการด้านการเงินปล่อยสินเชื่อให้ผู้รับเหมาขนาดเล็ก โดยจะมีสตาร์ทอัพของ Add Venture คือ Rudee หรือรู้ดี ซึ่งมีข้อมูลลูกค้าโฮมมาร์ตทุกแบบร่วมทำงาน ด้วย”

บรรณกล่าวในท้ายที่สุดถึงการเป็น Partnerships ของเอสซีจี อินเตอร์ฯ ช่วยไปถึงเป้าสร้างยอดขาย 46,000 ล้านบาท ในปี 2562 หรือเติบโตร้อยละ 13

Cr.

ภาพเปิดจากวิกิพีเดีย

You Might Also Like