21 สิงหาคม 2564…สวิตเซอร์แลนด์มีปริมาณขยะพลาสติกต่อหัวเกือบ 100 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของยุโรปถึง 3 เท่า แต่ก็มีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพและได้รับความร่วมมือในการส่งเสริมการรีไซเคิลและลดปริมาณขยะพลาสติกจากทุกภาคส่วนในประเทศ
ปัญหาการจัดการขยะพลาสติกส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะระบบนิเวศแหล่งน้ำ เนื่องจากขยะพลาสติกในแหล่งน้ำจะถูกคลื่น ลม และแสงแดด ทำให้แตกตัวเป็นไมโครพลาสติกซึ่งมีอนุภาคที่เล็กมากและยากที่จะกำจัด เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ โดยกระบวนการรีไซเคิลขยะพลาสติกของสวิตเซอร์แลนด์ คือ
1.เริ่มต้นจากครัวเรือน สวิสที่มีความตระหนักรู้ ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานของทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม
2.รัฐบาลท้องถิ่นส่วนใหญ่ในสวิตเซอร์แลนด์ มีนโยบายการเก็บภาษีขยะแบบต่อถุง ซึ่งกระตุ้นให้ชาวสวิสหาวิธีลดปริมาณขยะที่จะทิ้งให้เหลือน้อยที่สุด โดยคัดแยกขยะที่สามารถรีไซเคิลได้เพื่อนำกลับเข้าสู่กระบวนการ
3.รัฐบาลกลางสวิสได้ออกรัฐบัญญัติว่าด้วยบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มในปี 2543 ซึ่งกำหนดให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่ม ต้องรีไซเคิลขยะบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มพลาสติกคุณภาพสูงชนิด PET ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 โดยรัฐบาลจะออกมาตรการเก็บเงินมัดจำบรรจุภัณฑ์ หากไม่สามารถรีไซเคิลได้ตามอัตราที่กำหนด
ด้วยรัฐบัญญัติดังกล่าว ส่งผลให้ภาคธุรกิจเกิดความตื่นตัวและส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างจริงจังเพื่อหลีกเลี่ยงนโยบายเงินมัดจำบรรจุภัณฑ์ที่จะทำให้สินค้าราคาสูงขึ้น จึงร่วมมือกับสมาคม PET Recycling Switzerland ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาสังคมที่ริเริ่มติดตั้งจุดรับบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม PET มาตั้งแต่ปี 2533เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานและดำเนินการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม PET อย่างครอบคลุมทั่วทั้งสวิตเซอร์แลนด์
ปัจจุบัน มีจุดรับบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม PET มากกว่า 50,000 จุด ทั่วประเทศและมีอัตราเฉลี่ยการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม PET สูงกว่าร้อยละ 80 นอกจากนี้ บรรดาร้านค้าปลีกเริ่มมีการติดตั้งจุดรับขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั่วไปชนิดอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 2556
ขณะนี้มีขยะพลาสติกที่ถูกนำไปรีไซเคิลประมาณ 800,000 ตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 25 ของขยะพลาสติกทั้งหมด ส่วนอีกร้อยละ 75 จะถูกนำไปเผาเพื่อผลิตเป็นพลังงาน
4.มีการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ภาชนะและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถใช้ซ้ำได้ เพื่อลดปริมาณขยะจากการใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง โดยรัฐบาลท้องถิ่นและธุรกิจร้านค้าและร้านอาหารได้ริเริ่มดำเนินมาตรการต่าง ๆ โดยสมัครใจ เช่น ในปี 2563 เทศบาลนครเจนีวาได้ห้ามจำหน่ายพลาสติกใช้แล้วทิ้งในพื้นที่สาธารณะ และตั้งแต่ปี 2560 กลุ่มร้านค้าปลีกเริ่มเก็บค่าถุงพลาสติกในราคา 0.5 แรพเพน (100 แรพเพนเท่ากับ 1 ฟรังก์สวิส) ต่อใบ
5.ในปี 2563 บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ เช่น Migros และ Coop ก็ได้เริ่มลดการจำหน่ายหรือแจกผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารพร้อมรับประทาน แทนที่ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้หรือสแตนเลส และลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับผลิตภัณฑ์ทั่วไปถึงร้อยละ 47 และร้อยละ 21 ตามลำดับ แต่ยังคงใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับผักและผลไม้
อย่างไรก็ดี รัฐบาลกลางสวิสยังไม่มีการออกกฎหรือกำหนดมาตรการที่เข้มงวดเกี่ยวกับการจัดการขยะพลาสติก ดังเช่นการห้ามใช้/จำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งของสหภาพยุโรป เนื่องจากรัฐบาลกลางสวิสมีความระมัดระวังในการออกกฎหมายที่จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ โดยถือว่าเป็นการแทรกแซงเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะกระทำได้ต่อเมื่อมีเหตุสมควรและจำเป็นเท่านั้น เป็นการสะท้อนถึงวัฒนธรรมเสรีนิยมอันเด่นชัดของสวิตเซอร์แลนด์ที่แทรกซึมอยู่ในวิถีการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมสวิส
เรียบเรียงจากที่มา