19 กรกฎาคม 2565…ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย เดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาขยะพลาสติก เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการนำบรรจุภัณฑ์พลาสติกกลับมาใช้ใหม่ ผนึกความร่วมมือกับ ท็อปส์ มาร์เก็ตในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดตัวสถานีเติมผลิตภัณฑ์ หรือ รีฟิล สเตชั่นแห่งแรกของยูนิลีเวอร์อย่างเป็นทางการที่ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขา เซ็นทรัล เวสต์เกต
อันเนอมาริเค่อ เดอ ฮาน ประธานบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์ครัวเรือนภาคพื้นอาเซียน และประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ พม่า กัมพูชา และลาว เปิดเผยว่า จากการสำรวจเทรนด์ในประเทศไทย พบว่า 73% ของผู้บริโภคชาวไทย มีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ 72% ต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นถึงกระแสหลักที่คนไทยให้ความสนใจในการดูแลรักษาและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย จึงตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง ท็อปส์ มาร์เก็ต ดำเนินการโครงการนำร่องสถานีเติมผลิตภัณฑ์ หรือ รีฟิล สเตชั่น ที่ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต
“เราเชื่อว่าเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เราต้องคิดใหม่เกี่ยวกับระบบการจัดการพลาสติกของเรา ในฐานะกลุ่มผู้ผลิต เรามีโอกาสในการเลือกบรรจุภัณฑ์อย่างรับผิดชอบ และต้องทำให้แน่ใจว่าเราจะเก็บพลาสติกไว้ในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและมุ่งลดขยะพลาสติกในสิ่งแวดล้อม ยูนิลีเวอร์ยังคงมุ่งมั่นในการคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ ในการลดขยะพลาสติก เพิ่มการใช้วัสดุรีไซเคิล และทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีของเสียไปฝังกลบในโรงงานของเรา โดยมีเป้าหมายมุ่งลดการใช้เม็ดพลาสติกใหม่ลงครึ่งหนึ่ง และใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ ใช้ซ้ำได้หรือย่อยสลายได้ 100% นอกจากนี้ยังต้องเก็บรวบรวมพลาสติกและนำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ ให้ได้มากกว่าปริมาณที่จำหน่ายออกไป” อันเนอมาริเค่อ เดอ ฮาน กล่าว
จักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด, ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ความร่วมมือล่าสุดกับ ยูนิลิเวอร์ประเทศไทย เพื่อร่วมกันเป็นธุรกิจที่ช่วยเหลือสังคม เปิดให้บริการ “รีฟิล สเตชั่น” ภายในร้านซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกของประเทศไทย ช่วยลดการใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง (Single Use) ทำให้เกิดการใช้ซ้ำ (Reusable)
“ถือเป็นการช่วย ประหยัดค่าใช้จ่ายเนื่องจากผลิตภัณฑ์แบบเติมจะมีราคาที่ถูกกว่าและที่สำคัญช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกซึ่งดีต่อสิ่งแวดล้อมและผู้คน และคาดว่าเทรนด์การซื้อสินค้าแบบรีฟิลจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ท็อปส์พร้อมสนับสนุนการแก้ปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงแต่การลดปริมาณการใช้ลง แต่สิ่งสำคัญคือทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน เริ่มต้นตั้งแต่การปรับเปลี่ยนแนวความคิด การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ตามแนวความคิด Circular Economy ”
ยูนิลีเวอร์ได้ร่วมมือกับเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC นำพลาสติกใช้แล้วในครัวเรือน มาหมุนเวียนเป็นบรรจุภัณฑ์ใหม่ โดยใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality Post-Consumer Recycled Resin – PCR) ภายใต้แบรนด์ SCGC GREEN POLYMERTM และร่วมกันจัดทำโครงการ “แยกดีมีแต่ได้” สร้างแรงจูงใจให้คนในชุมชนจัดการขยะอย่างถูกวิธี สามารถนำไปหมุนเวียนสร้างประโยชน์ใหม่ได้อย่างยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกัน บริษัทยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านความยั่งยืนกับองค์กรต่าง ๆ และยังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับหลากหลายพันธมิตรเพื่อรณรงค์ให้ผู้คนได้ตระหนักเกี่ยวกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาจากขยะพลาสติก เช่น โครงการมือวิเศษ โครงการ PIM Recycling Business และโครงการส่งพลาสติกกลับบ้าน เป็นต้น
ยูนิลีเวอร์ เป็นผู้นำในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลหลังการบริโภค (Post-consumer Recycled: PCR) ภายในประเทศมากถึง 4,000 ตัน ปัจจุบันหลายแบรนด์ของบริษัท เช่น ซันไลต์ คอมฟอร์ท ซันซิล และโดฟ ล้วนใช้ขวดบรรจุภัณฑ์ที่เป็น PCR พร้อมกันนี้ได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของถ้วยไอศกรีมวอลล์ จากเดิมที่เป็นพลาสติกมาเป็นถ้วยกระดาษแทน ซึ่งสามารถลดขยะพลาสติกได้ถึง 200 ตัน ต่อปี ช่วยกระตุ้นให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และทำให้เกิดการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคัดแยกและจัดเก็บขยะพลาสติก เพื่อให้ขยะพลาสติกถูกนำมาหมุนเวียนใช้ในระบบสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีของโลกและผู้คน เป็นหัวใจหลักของการดำเนินงานด้านความยั่งยืน
“เราหวังว่า รีฟิล สเตชั่น จะสร้างความตระหนักในวงกว้างเกี่ยวกับความสำคัญของของโลกที่น่าอยู่ และเราต้องการสนับสนุนให้ผู้บริโภคทุกคน มีส่วนร่วมในการลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการดำเนินชีวิตประจำวัน ด้วยการนำบรรจุภัณฑ์พลาสติกกลับมาใช้ใหม่ ณ สถานีเติมของยูนิลีเวอร์” อันเนอมาริเค่อ เดอ ฮาน กล่าวในท้ายที่สุด