25 พฤศจิกายน 2566…ทราบหรือไม่ว่าในแต่ละปี มนุษย์ใช้ทรัพยากรโลกมากถึง 70,000 ล้านตัน ทั้งขุดเจาะน้ำมันสำหรับผลิตไฟฟ้า เชื้อเพลิงยานยนต์ หรือผลิตพลาสติก หรือถลุงโลหะ สำหรับการสร้างอาคารบ้านเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และอาจจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมากเกินกว่าความสามารถของโลกที่จะฟื้นตัวได้ ถ้าเรายังคงบริโภค กิน-ใช้-ทิ้ง กันอย่างไม่ยั้ง ในขณะที่ความเป็นจริง “เรามีโลกเพียงใบเดียว” เท่านั้น
กลุ่มธุรกิจ TCP เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ ที่ประกาศเป้าหมายใหม่ “ปลุกพลัง เพื่อวันที่ดีกว่า” มาพร้อมกับ 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ ปลุกพลังแบรนด์สินค้า (Fulfilling) ปลุกพลัง ธุรกิจเติบโต (Growing) และปลุกพลังห่วงใยสิ่งแวดล้อม (Caring) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 – 2567 เพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในด้านธุรกิจ ส่งเสริมและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งไทยและต่างประเทศ จึงจัดกิจกรรมอาสา TCP Spirit ที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ลงมือทำ และขยายผลสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปสู่คนรอบข้าง โดยตั้งแต่ปี 2565-2566 มาในธีมของคณะเศษสร้าง ที่จะชวนอาสามาทำความเข้าใจและเห็นภาพเรื่องการจัดการขยะในมิติต่าง ๆ พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนรอบ ๆ ตัว ร่วมกันเปลี่ยน “เศษ” ให้กลายเป็นการ “สร้าง” ทั้งการสร้างองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการจัดการ สร้างนิสัยการแยกที่ถูกต้อง ให้เกิดประโยชน์และดูแลโลกใบเดียวของเราให้ดีที่สุด
จากความสำเร็จของ TCP Spirit คณะเศษสร้าง ปี 1 ที่นำอาสาลงพื้นที่ชุมชนบ้านหาดทรายดำในจังหวัดระนอง เรียนรู้การจัดการขยะทั้งคัดแยก เก็บกลับ รวมถึงแปลงเป็นรายได้ให้ชุมชน เป็นจุดเริ่มต้นของเครือข่ายอาสาที่ปลุกพลังคนในชุมชนให้ตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และร่วมมือจัดการขยะอย่างจริงจัง ปัจจุบันสามารถเก็บกลับวัสดุรีไซเคิลได้ เพิ่มขึ้นถึง 200% นำไปสู่ TCP Spirit “คณะเศษสร้าง ปี 2” ลงลึกการจัดการขยะอย่างเข้มข้นสู่วิถีไร้ขยะ นำทีมคณะเศษสร้าง ปี 2 ทำภารกิจ “แอ่วเหนือขึ้นดอย ตามรอยวิถีไร้ขยะ” มุ่งหน้าสู่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืน
จากวิสัยทัศน์ที่เข้มแข็ง สู่เครือข่ายที่แข็งแกร่ง
สราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นว่าเมื่อมีพลัง โลกที่ดีขึ้นก็เป็นไปได้ จึงลงมือทำงานอย่างจริงจัง เพื่อขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน ผ่าน TCP Spirit กิจกรรมอาสาที่นำประเด็นสำคัญด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมมาให้อาสาสมัครได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างเครือข่ายคนรุ่นใหม่ที่มีพลัง พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนรอบตัว เพื่อโลกที่ดีขึ้นสำหรับเราทุกคน”
โดยปีนี้กลุ่มรุ่นพี่จากคณะเศษสร้าง ปี 1 ได้กลับมาทำหน้าที่อาสา TCP Spirit เป็นพี่เลี้ยงช่วยดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ขณะที่เหล่าอาสาปี 2 จะได้เรียนรู้อย่างเข้มข้นครบลูปในเรื่อง “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ซึ่งเป็นแนวทางที่ทั่วโลกร่วมกันผลักดันเพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังในการดูแลสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรโลก จากความร่วมมือของทุกคน
สราวุฒิ อธิบายเพิ่มเติมว่า ถ้านับจากคณะเศษสร้าง ปีนี้เป็นปีที่ 2 แต่ถ้าพูดถึง TCP Spirit กลุ่มธุรกิจ TCP ทำมาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว โดยเริ่มต้นจากเรื่องปลูกป่า มาสู่เรื่องน้ำ และ 2 ปีที่ผ่านมานี้มีการขับเคลื่อนเพิ่มเติมในเรื่องของเศรษฐกิจหมุนเวียน
“ความแตกต่างของปีนี้กับปีที่แล้วคือ ปีที่แล้วมีการออกเก็บขยะ แยกขยะ และได้เห็นปัญหาจริงแล้วว่าบริเวณที่เป็นเกาะมีการบริหารจัดการที่ลำบากกว่าบนแผ่นดินใหญ่ ปีนี้จึงมีพัฒนาการมากขึ้นโดยเมื่อเก็บและแยกขยะแล้วจะเห็นภาพรวมว่าหลังจากนั้นถ้าจะทำให้ครบลูปสามารถเอาไปทำอะไรได้อีก สำหรับเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน ถือเป็นเรื่องใหญ่ คนต้องการองค์ความรู้เรื่องนี้อีกมาก หลายคนยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ดีนัก อย่างพลาสติกมีหลายแบบซึ่งคนก็ยังไม่รู้จักดีว่าแต่ละแบบมีความแตกต่างกัน เราจึงคาดหวังว่าอาสาที่มาเข้าร่วมกับเราจะได้รับองค์ความรู้และนำไปปรับให้เข้ากับบริบทการใช้ชีวิตของตนเอง กับชุมชน หรือองค์กรของเขา เพื่อต่อยอดเรื่องนี้ให้ขยายวงกว้างออกไป รวมถึงสร้างเครือข่ายให้สามารถเชื่อมต่อกันได้เพื่อส่งต่อองค์ความรู้เรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ขยายวงมากขึ้น”
เจาะลึกแนวคิด “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ด้วยการลงมือทำจริง!
ดร.เพชร มโนปวิตร นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ รับหน้าที่ครูใหญ่คณะเศษสร้าง มหาวิทยาลัยชีวิตจริง เล่าถึงหลักสูตรในปีนี้ว่า อาสาสมัครทั้ง 60 คน จะได้เรียนรู้ เจาะลึกแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ผ่านประสบการณ์จริงในหลักสูตรพิเศษฉบับ “ดอยตุงโมเดล” ต้นแบบการพัฒนาครบวงจรเพื่อความยั่งยืน จากโครงการพัฒนาดอยตุง จังหวัดเชียงราย ครบลูปตั้งแต่กิจกรรมคัดแยกขยะ ซึ่งศูนย์จัดการขยะที่ดอยตุงสามารถแยกได้ถึง 44 ประเภท การนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ การสร้างมูลค่าให้กับวัสดุ สร้างรายได้ให้ชุมชน และเวิร์กช็อปทำความเข้าใจภาพรวมขนาดใหญ่ผ่าน “The Butterfly Diagram: Visualizing the Circular Economy” ไขความลับวัฏจักรหมุนเวียนจากห้องเรียนธรรมชาติ ให้ทุกคนเห็นความเชื่อมโยงระหว่างคนและสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่มีผลกระทบต่อกัน เป็นจุดเริ่มต้นในการทำความเข้าใจและเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมซึ่งกำลังเป็นวิกฤตของโลกในปัจจุบัน
“สำหรับเมืองไทยเราเห็นความก้าวหน้าและความตื่นตัวจากภาคเอกชน อย่าง กลุ่มธุรกิจ TCP แม้ว่าผลิตภัณฑ์หลักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแพคเกจจิ้งแต่ก็ทำในเรื่องของพลังงานด้วย ลงทุนเรื่องน้ำและมองถึงการพัฒนาสินค้าที่ดูแลสุขภาพมากขึ้น แต่สิ่งที่เมืองไทยยังขาดอยู่คือเรื่องของกฎหมาย เพราะเรากลายเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ยังไม่มีพรบ.เรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ชัดเจน ผมมองว่า ภาครัฐควรมี Incentive ให้กับบริษัทที่ลุกขึ้นมาทำเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อขยายผลให้สำเร็จต่อไป การมี พรบ.เรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจะได้มีเครื่องมือต่างๆ ในการกำกับดูแล เช่น EPR ที่จะช่วยให้เกิดการรับผิดชอบของผู้ผลิต เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียม เหมือนอย่างที่ยุโรปทำเรื่องภาษีเข้มข้นเช่นCBAM ก็ช่วยผลักดันให้เรื่องนี้ก้าวหน้ามากกว่าเดิม”
มาถึงรายวิชารักษ์โลกที่ทุกคนได้เรียนรู้ในปีนี้ ประกอบไปด้วย
-วิชากายวิภาคของ “เศษ”: เข้าใจบริบทของสำนักงานและโรงงานผลิตผ่านของเหลือหรือ “ขยะ” และจะได้ลงมือจริง ไม่ใช่แค่แยกขยะที่เราบริโภค แต่ลงลึกถึงขยะปลายทางที่สามารถแยกได้ถึง 44 ประเภท และทุกประเภทสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
-วิชาสร้างโอกาสปลุกปัญญา: ลงมือเปลี่ยน “ขยะ” ให้กลายเป็น “วัสดุ” จากพลาสติกให้กลายเป็นกระถางใส่ต้นไม้ จากเปลือกหัวหอมให้กลายเป็นสีย้อมผ้า หรือจากห่อขนมกลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ และปุ๋ยไส้เดือนที่มีกระบวนการ Circular ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งอาสาจะได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างเศษให้กลายเป็นของใช้หลากหลาย
-วิชาการเดินทางของขยะ: ร่วมแบ่งปันเรื่องราวของขยะผ่านผลงานชิ้นเอกที่เหล่าอาสาสร้างขึ้น ว่าเส้นทางของขยะ และกระบวนการชุบชีวิตขยะต้องทำอย่างไร สามารถนำกลับไปทำเองที่บ้านหรือต่อยอดไอเดียเพิ่มมูลค่าสร้างวิถีไร้ขยะได้อีกหลากหลาย
-วิชาสร้างคุณค่าให้กับ “ขยะ” กลายเป็น “เศษวัสดุ”: อาสาจะได้ร่วมกันออกแรงซ่อมแซมถนนที่ชำรุด โดยใช้เศษโมลด์ที่เหลือจากกระบวนการผลิตเซรามิกร่วมกับปูน และเปลือกแมคคาเดเมีย ถมถนนที่เป็นหลุมเป็นร่องให้เรียบ เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในการสัญจรของผู้คนในชุมชน
-วิชาปลูกคนปลูกป่า วิถีวงกลม: พาอาสาทุกคนไปเดินป่า ฟังเสียงนก ใช้เวลาสัมผัสกับธรรมชาติ บนเส้นทางที่ตัดผ่านพื้นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นป่าใช้สอย ป่าเศรษฐกิจ และป่าอนุรักษ์ สะท้อนให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน
-วิชาดวงดาวในจักรวาล: ชวนกันมาถอดบทเรียนเศรษฐกิจหมุนเวียนผ่าน Butterfly Diagram เรียนรู้ความเชื่อมโยงระหว่างตัวเรากับธรรมชาติ ว่าทุกอย่างล้วนส่งผลกระทบต่อเนื่องกัน แล้วจะเข้าใจว่า “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” เป็นคำกล่าวที่ไม่ไกลเกินจริง
-วิทยานิพนธ์: ตกตะกอนความคิดและต่อยอดความสร้างสรรค์จากกิจกรรมที่เรียนรู้ทั้งหมด กลั่นออกมาเป็น THESIS การจัดการ “เศษ” เพื่อ “สร้าง” ประโยชน์ ส่งต่อไอเดียดีๆ และพลังสร้างการเปลี่ยนแปลง
ไพศาล คำกาศ ผู้ช่วยผู้จัดการโครงการสิ่งแวดล้อม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เสริมว่า “ดอยตุงโมเดล สามารถให้หน่วยงานต่างๆมาเรียนรู้ได้อย่างหลากหลาย บางกลุ่มต้องการมาหาวิธีการจัดการเศษอาหารอย่างเดียว อยากรู้ว่าวิธีการจัดการในเมืองกับในชุมชนต่างจังหวัดแตกต่างกันอย่างไร บางกลุ่มต้องการเรียนรู้เรื่องการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เราจะมีองค์ความรู้แต่ละชุดให้องค์กรต่างๆเลือกเรียนรู้ อย่างการแยกขยะของเราจะแยก 44 ประเภท เป็นขยะที่ขายได้ 32 ประเภท ขยะอันตรายมีประมาณ 7-8 ประเภท ขยะที่ให้พลังงาน 11-12 ประเภท ทั้งหมดเป็นชุดความรู้สำหรับหน่วยงานต่างๆที่ตั้งเป้าว่าจะไม่มีขยะที่บ่อฝังกลบให้เขานำไปเป็นคู่มือเป็นแนวทางในการแยกขยะสำหรับองค์กรของตัวเอง”
นับว่ากิจกรรมอาสา TCP Spirit คณะเศษสร้าง ปี 2 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการนำพาคนรุ่นใหม่เข้ามาเรียนรู้การจัดการขยะอย่างจริงจัง พร้อมลงมือทำด้วยตัวเอง และแม้ว่ากิจกรรมจะจบลงไป แต่บรรดาอาสาเหล่านี้จะเป็นพลังในการนำสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ไปขยายผลเป็นแรงกระเพื่อมต่อไปไม่สิ้นสุด ซึ่งจะช่วยสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงและเป็นรูปธรรม
No Comments