31 สิงหาคม 2563…บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนเป็นบรรทัดฐานในทั้งสองอุตสาหกรรมมาตลอด มีสัญญาณบวกบางอย่างระหว่างความคืบหน้าในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศท่ามกลางความวุ่นวายช่วงแรกๆ ของ COVID-19 ซึ่งทำให้ผู้นำอุตสาหกรรมแฟชั่นและความงาม ลดการออก Collection ใหม่ พยายามพัฒนากระบวนการผลิต และการส่งมอบเพื่อตอบสนองความต้องการในปัจจุบันให้คล่องตัวมากขึ้น
ชัดเจนอย่างยิ่งว่า แบรนด์ใส่ใจเรื่องผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์และห่วงโซ่อุปทาน แต่สิ่งที่พวกเขาลืมเสมอ ๆ คือเรื่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมักจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสําคัญที่สุด หากต้องพิจารณาถึงประเด็นความยั่งยืน เพราะถึงที่สุดแล้ว ผลิตภัณฑ์ควรจะมีความยั่งยืนได้นานเท่า ๆ เวลาการใช้บรรจุภัณฑ์ของคุณ
ปัจจุบัน แน่นอนว่า บรรดาแบรนด์ล้วนตระหนักดีถึงข้อด้อยของพลาสติกที่มีผู้ที่ยังคงใช้พวกมันในบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ของพวกเขา และผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมักถูกประณามตามความเห็นของผู้บริโภค ประเด็นนี้มีบางเรื่องประสบความสําเร็จเด่นชัด เช่น ในเยอรมนี เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีประกาศว่าจะไม่ใช้พลาสติกใช้แล้วทิ้ง ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป
โซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ใช่พลาสติกจึงกลายเป็นแนวโน้มที่นำมาใช้ในอนาคตอันใกล้ แต่ที่เห็นมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ก็คือ แบรนด์เลือกใช้วัตถุดิบประเภท Eco-Friendly ทดแทนพลาสติก จากนั้นก็พยายามสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับความเป็น Sustainable ซึ่งเป็นข้อมูลอีกชุดหนึ่ง ต่างจากที่ผู้บริโภคมีอยู่เดิม
ดังนั้น จึงจําเป็นอย่างยิ่ง ที่แบรนด์และผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์ต้องสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหานี้, โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อเปิดโลกทรรศน์ของลูกค้า ซึ่งกิจกรรมล่าสุดได้สร้างความน่าสนใจเป็นความคิดริเริ่มของแบรนด์ เพื่อสรรค์สร้างสังคมที่ดีการรับรอง และตราประทับของการอนุมัติจากองค์กรเช่น FSC มีความสําคัญในการสื่อสารกับลูกค้าว่าบรรจุภัณฑ์ของคุณเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เรื่องนี้ควรเป็นขั้นตอนแรกๆ ในกลยุทธ์ของแบรนด์ใด ๆ ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับบรรจุภัณฑ์ของพวกเขา และยังเป็นการปลูกฝังความไว้วางใจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจและรายได้
แน่นอนว่า การจะได้มาซึ่งป้ายดังกล่าวต้องใช้ทั้งนวัตกรรม การลงทุน และความมุ่งมั่นในความพยายามอย่างต่อเนื่อง และโฟกัสไม่เพียงงานสายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงงานภายในองค์กร เช่นการจัดซื้อ ข้อมูลบันทึกต่างๆ และงานเอกสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การช้อปปิ้งออนไลน์ ที่นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้น
ท่ามกลางเรื่องเหล่านี้ การลดปริมาณบรรจุภัณฑ์ก็เป็นอีกขั้นตอนง่ายๆที่แบรนด์สามารถทำได้ ในเวลาเดียวกับการลดต้นทุน ลดของเสีย และท้ายที่สุด Carbon Footprints ของธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งหากสื่อสารได้อย่างถูกต้องก็สามารถนํามาใช้ ตรงสู่กลุ่มเป้าหมายผู้บริโภค ซึ่งกำลังกลายเป็นผู้คุ้นเคยกับไลฟ์สไตล์แบบ Minimalist ภายใต้ข้อจํากัดการล็อคดาวน์ที่เกิดขึ้นทั่วไปในปัจจุบัน
แต่ด้วยคุณสมบัติของการเป็นบรรจุภัณฑ์ที่จําเป็น ทั้งหมดเป็นเรื่องของความสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดและใช้ซ้ำ ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องประสิทธิภาพการสื่อสารที่ว่า บรรจุภัณฑ์เหล่านี้ นํากลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้อย่างไร ตัวอย่าง คือ การทํางานร่วมกับ MATCHESFASHION เพื่อพัฒนากล่องเอฟเฟกต์หินอ่อนที่โดดเด่นของพวกเขา ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดของอุตสาหกรรมแฟชั่นแบบ Luxury ซึ่งเน้นการสื่อสารเรื่องการออกแบบและคุณภาพของพวกเขา
บรรจุภัณฑ์ข้างต้นทําจากวัสดุที่มีคุณภาพสูง กล่องได้รับการออกแบบให้มีความทนทาน แข็งแกร่ง เพื่อให้สามารถใช้งานนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดกล่องเหล่านี้ ไม่ใช่ใช้แทนตะกร้าเท่านั้น แต่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์และบริการ ที่ลูกค้าเต็มใจจ่ายเพื่อจับจองเป็นเจ้าของ
แบรนด์ความงามเช่นเครื่องสําอาง MAC และ LUSH (ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกความคิดในการขายผลิตภัณฑ์ “Naked” ให้ดูผลิตภัณฑ์โดยไม่มีบรรจุภัณฑ์) ได้พบความสําเร็จในแคมเปญรีไซเคิลภายใต้แนวคิด “bring back” โดยให้ลูกค้านําภาชนะที่ว่างเปล่ากลับไปที่ร้าน แล้วเติมผลิตภัณฑ์ได้ฟรี หรือเติม+ให้ส่วนลดราคาพิเศษ นี่เป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย แน่นอนว่า เมื่อลูกค้ามาที่ร้าน พวกเขาจะมีโอกาสสร้างการซื้อซ้ำเกิด Brand Loyalty ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการริเริ่มความยั่งยืนอย่างมีคุณค่าในเชิงพาณิชย์
นอกเหนือจากอุตสาหกรรมแฟชั่นและความงาม ในปีนี้ Coca- Cola ได้กลายเป็น Major Brand แบรนด์แรกในเซ็คเตอร์ของพวกเขาที่ใช้ขวดที่ผลิตโดยใช้พลาสติครีไซเคิล 100% ในตลาดสวีเดน การใช้ฉลากที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์สําหรับการสื่อสารข้อความสําคัญของแคมเปญรีไซเคิล ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและให้ความรู้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับ Circular Economy
ขณะที่จำนวนของแบรนด์ที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความพยายามสื่อสารข้อมูลจำเพาะที่เน้นเรื่อง Eco ของพวกเขา เรียกร้องให้ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และมี Innovation มากขึ้น ซึ่งในที่สุด บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ก็จะกลายเป็นบรรทัดฐาน แยกความแตกต่างของแบรนด์ออกจากกัน จากวิธีอื่นๆที่พวกเขาสื่อสารเรื่องแบรนด์
ที่มา