CIRCULAR ECONOMY

GC ร่วม ทส. ปักหมุดเริ่ม อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ “ ต้นแบบการบริหารจัดการขยะพลาสติกครบวงจร ”

23 มีนาคม 2563…เพื่อเป็นโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับประเทศ สู่เป้าหมายการใช้ทรัพยากรของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ


ภาพข้างต้นอาจจะกล่าวได้เป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน โดย วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รทว.ทส.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การดำเนินโครงการ “ต้นแบบการบริหารจัดการขยะพลาสติกครบวงจรในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อเป็นโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับประเทศ” ระหว่าง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) โดยมีจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปลัดกทระทรวง ทส.) และ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นสักขีพยาน

ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ เป็นไปตามการดำเนินธุรกิจของ GC ด้วยทิศทางการดำเนินงานของปี 2563 เป็นการทำผ่านกลยุทธ์ 3 Steps โดย 1 ในนั้นคือ Step Up

Step Up คือการ สานต่อแนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่ง GC ได้ยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจและส่งเสริมให้นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันตามแนวคิด GC Circular Living โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อความยั่งยืนสูงสุด และต่อยอดบูรณาการให้เกิดความยั่งยืน (Sustainability) ในทุกธุรกิจและกระบวนการของบริษัท โดยคำนึง 3 แนวทางคือ

-Smart Operating: สร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและนำมาหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
– Responsible Caring: เป็นการพัฒนา ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความยั่งยืน เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเกิดประสิทธิภาพการใช้งานยาวนานมากที่สุด โดยไม่ผลิตสิ่งที่ใช้แล้วทิ้ง
-Loop Connecting: เพิ่มพลังความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสีย และเชื่อมต่อธุรกิจให้ครบวงจร โดยขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน และเชื่อมต่อธุรกิจให้ครบวงจรในโครงการ Upcycling by GC

“ ทส. ได้ร่วมมือกับ GC ดำเนินโครงการ “ต้นแบบการบริหารจัดการขยะพลาสติกครบวงจรในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อเป็นโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับประเทศ” สนับสนุนการบริหารจัดการขยะพลาสติกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ สู่เป้าหมายการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ด้วยระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573 การสร้างโมเดลแบบองค์รวมนี้ จะเป็นต้นแบบที่ดี ไม่เพียงแต่การแก้ปัญหาขยะ แต่การมีส่วนร่วมของภาคีต่างๆ รวมถึงนักท่องเที่ยว และประชาชน ให้เกิดส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้ได้ จะนำไปสู่ความเชื่อมั่นศักยภาพของประเทศไทย ในการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติก และเปลี่ยนจากวิกฤติเป็นโอกาส สร้างความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ประเทศของเราต่อไป”

วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. กล่าวเพิ่มเติม ทส. มีพันธกิจหลักในการขับเคลื่อนและสนับสนุนนโยบายประเทศสู่การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชิงรุกเพื่อความสมดุลและยั่งยืนภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้วยการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในการจัดระบบอนุรักษ์ฟื้นฟูและป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติเพื่อพัฒนาทุกภาคส่วนให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) สร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี ลดมลพิษ และลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและระบบนิเวศ

เพื่อให้เกิดการขยายผลการดำเนินงานครอบคลุมทั่วประเทศ จึงจำเป็นต้องมีการขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมหรือโครงการในการบริหารจัดการขยะพลาสติกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องต่อไป

จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทส. กล่าวถึง กรอบความร่วมมือในการดำเนินโครงการต้นแบบการบริหารจัดการขยะพลาสติกครบวงจรในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อเป็นโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับประเทศ” ระหว่าง ทส. กับ GC มีระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่มีนาคม 2563 ไปจนถึง มีนาคม 2564 ประกอบด้วยความร่วมมือการดำเนินงานหลัก 3 ด้าน คือ

1) ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพ ทดแทนการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งที่นำกลับมารีไซเคิลได้ยาก
2) ด้านการส่งเสริมการบริหารจัดการขยะ ตั้งแต่การคัดแยกขยะ การพัฒนานวัตกรรม สนับสนุนผลิตภัณฑ์รีไซเคิลหรืออัพไซเคิลจากความคิดสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มมูลค่า
3) ด้านการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เพื่อสร้างวัฒนธรรมในการใช้และบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความรับผิดชอบร่วมกันในสังคม โดยจะมีการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดเป็นเป็นรูปธรรม

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง GC ในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ ซึ่งยึดหลักการดำเนินธุรกิจด้วย Circular Economy โดยตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาการจัดการขยะ จึงได้อาสามาร่วมทำโครงการฯ GC กำหนดแนวปฏิบัติตามหลัก Circular Economy ให้กับพื้นที่อุทยานฯ สนับสนุนองค์ความรู้ และดำเนินงานร่วมกับองค์กรอื่น ๆ ในการจัดการขยะพลาสติกแบบยั่งยืน

GC มีทางออกที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน (Total Solutions for Everyone) และสร้างระบบ (Platform) เพื่อแก้ไขปัญหาแบบองค์รวมตลอดห่วงโซ่อุปทาน ครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่

-Bio-based มุ่งเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ Bio Product ที่สลายตัวได้ด้วยการฝังกลบ
-Fossil-based: มุ่งเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยความรับผิดชอบ นำขยะพลาสติกกลับมา Recycle หรือ Upcycle
-Ecosystem: เดินหน้าสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน สร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้พลาสติก เพื่อให้เกิดการขยายผลในวงกว้าง
-Inclusiveness: GC จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้า SMEs ให้ปรับตัวกับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค โดยมีแนวร่วมสำคัญจากพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ TPBI และ Farm D

ธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ครั้งนี้ อส. ได้คัดเลือกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินงาน และจะขยายผลไปยังอุทยานแห่งชาติ อีกจำนวน 14 แห่ง ประกอบด้วย อุทยานทางบก 6 แห่ง ได้แก่
1.อุทยาน-แห่งชาติอินทนนท์
2.อุทยานแห่งชาติเอราวัณ
3.อุทยานแห่งชาติเขาสก อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก
4.อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
5.อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย

ส่วนอุทยานทางทะเล 7 แห่ง ได้แก่
1.อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ด
2.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี
3.อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา
4.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน
5.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์
6.อุทยานแห่งชาติ ตะรุเตา
7.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง

ประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า คพ. มีบทบาทภารกิจในการกำหนดนโยบายในการบริหารจัดการขยะพลาสติก ภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติกของประเทศ พ.ศ. 2561 – 2573 เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน(Circular Economy) ซึ่งจะสามารถขยายการดำเนินงานไปสู่พื้นที่อื่นๆ เพื่อสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนของประเทศให้ก้าวไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป

ทั้งนี้ คพ. พร้อมให้การสนับสนุนทางวิชาการในการดำเนินโครงการฯ ในการส่งเสริมการจัดเก็บและแยกขยะถุงและฟิล์มพลาสติกชนิดพอลิเอทิลีน (PE) และพอลิโพรไพลีน (PP) รวมถึงบริหารจัดการถุงและฟิล์มพลาสติกชนิด PE และ PP ให้เกิดมูลค่าเพิ่มเพื่อให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่อุทยานแห่งชาตินำร่องอย่างมีประสิทธิภาพ

“GC คาดว่าโครงการนี้จะเป็นการสร้างต้นแบบโมเดลแห่งความสำเร็จระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่อื่น เพื่อขยายผลใน วงกว้างต่อไป” ดร.คงกระพัน กล่าวในท้ายที่สุด

 

 

You Might Also Like