CIRCULAR ECONOMY

แนะธุรกิจใส่ใจสิ่งแวดล้อม รับมือ 3 กระแสเปลี่ยนโลก

9 กุมภาพันธุ์ 2564…SD Perspectives รับทราบข้อมูล Krungthai COMPASS คาดภาคธุรกิจไทยจำเป็นต้องมีการลงทุนเพิ่มอย่างน้อย 8.2 แสนล้านบาทในช่วง 5 ปีข้างหน้าหรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปี

ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย (Krungthai COMPASS) ชี้การปรับตัวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจ ภายใต้แรงกดดันจากมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศคู่ค้าที่มีแนวโน้มเข้มข้นมากขึ้นในระยะข้างหน้า พร้อมทั้งยกระดับความสามารถในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ในขณะที่ภาคธุรกิจทุ่มเทสรรพกำลังในการพลิกฟื้นจากผลกระทบของวิกฤต Covid-19 ให้ได้โดยเร็ว แต่ก็ต้องไม่ลืมหันมาเตรียมพร้อมกับ New Normal ด้วยเช่นกัน โดยเทรนด์ที่เด่นชัดคือการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่มาพร้อมกับ 3 กระแสเปลี่ยนโลก ได้แก่

1.การมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เพื่อบรรเทาภาวะโลกร้อน
2.การพัฒนาระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า
3.การประยุกต์ใช้ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อยกระดับศักยภาพของธุรกิจ

ทั้งนี้ การลงทุนและปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจที่อยู่บนฐานโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) คาดว่าจำเป็นต้องใช้เม็ดเงินลงทุนในเศรษฐกิจไทยเพิ่มอย่างน้อย 8.2 แสนล้านบาทในช่วง 5 ปีข้างหน้าหรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปี ซึ่งจะทำให้สัดส่วนเงินลงทุนต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นได้อีกกว่า 4% จากระดับปัจจุบัน

“หากธุรกิจไทยใช้ประโยชน์จากฐานเกษตรกรรม และทรัพยากรชีวภาพไทยที่มีความหลากหลาย และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชีวภาพและดิจิทัลอย่างเหมาะสม ในการพัฒนาและต่อยอดในหลายอุตสาหกรรมบนพื้นฐานของความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะช่วยยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมและความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างยั่งยืน”

ดร.ชัยสิทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ นักวิเคราะห์อาวุโส กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาประเทศคู่ค้าสำคัญๆ ของไทย เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ได้ดำเนินมาตรการภาคบังคับด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ มาตรการฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ มาตรฐานการระบายไอเสียของรถยนต์ เป็นต้น

ล่าสุด สหภาพยุโรปได้ร่างมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนที่เรียกว่า Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) เพื่อปรับราคาของสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศให้สะท้อนปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกระบวนการผลิตของสินค้าที่สูงกว่าการผลิตในสหภาพยุโรป ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการค้าเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสินค้าที่มีการปล่อยคาร์บอนสูง อาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและส่วนแบ่งตลาดของสินค้าไทยหากผู้ประกอบการปรับตัวไม่ทัน

อย่างไรก็ดี ความท้าทายที่เกิดขึ้น อาจจะกลายเป็นโอกาสครั้งสำคัญในหลายประเภทอุตสาหกรรม เช่น เกษตรกรรมและอาหาร ยานยนต์และชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์ ยาง และพลาสติก พลังงาน

“หากผู้ประกอบการปรับรูปแบบธุรกิจให้ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เทคโนโลยีชีวภาพและดิจิทัล ก็จะสร้างประโยชน์แบบ win-win โดยจะช่วยให้ประเทศไทยลดก๊าซเรือนกระจกได้ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันภายใต้กฎเกณฑ์ทางการค้าใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจของตน ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีของภาคธุรกิจในระยะยาว”  ผู้บริหารทั้งสองกล่าวในท้ายที่สุด

คลิกอ่านไฟล์ PDF ประกอบด้านล่าง

KTB Slide จับตากระแสโลก หนุนธุรกิจสายกรีนและนวัตกรรมยั่งยืน-final

You Might Also Like