30 ตุลาคม 2562…PepsiCo Foundation ภายใต้ PepsiCo, Inc. องค์กรการกุศล ร่วมกับ The Recycling Partnership องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับชาติ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าของโครงการ All In On Recycling Challenge
เรื่องนี้เป็นความท้าทายด้านการรีไซเคิลเกี่ยวกับชุมชนใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสหรัฐฯ ที่ดำเนินการมาไม่ถึงปีนับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2561 โดยระบุว่า สามารถระดมทุนได้ถึง 25 ล้านเหรียญสหรัฐ
โครงการ All In On Recycling Challenge พยายามทำให้การรีไซเคิลง่ายขึ้นสำหรับมากกว่า 25 ล้านครอบครัวในสหรัฐอเมริกา รวมถึงสนับสนุน Circular Economy ด้วยการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษา เพราะขณะนี้ขาดโครงสร้างพื้นฐาน โครงการรีไซเคิลในเขตเทศบาลที่หลากหลายและการรับรู้ในระดับต่ำเกี่ยวกับวิธีการรีไซเคิลที่เหมาะสม ทำให้วัสดุมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ควรนำกลับมาใช้ใหม่จากครัวเรือนในสหรัฐอเมริกากลับถูกทิ้งไป
เงินทุนที่ได้จากโครงการ The Challenge กำลังช่วยให้เมืองต่างๆลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ๆ เช่น ถังขยะล้อเลื่อนข้างถนนซึ่งเป็นวิธีที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำให้เกิดการรีไซเคิลได้เป็น 2 เท่า ทั้งนี้ องค์กร Recycling Partnership พบว่า เดิม ทุกๆ 4 กระป๋องอลูมิเนียมจะทิ้งลงถังขยะกระป๋องเดียว เช่นเดียวกับมีเพียง 1 ใน 3 ของขวดน้ำทั้งหมดเท่านั้น ที่ถูกทิ้งลงถัง จากการเปรียบเทียบพบว่า ปริมาณวัสดุทั้งหมดที่รวบรวมได้จากบ้านหลังหนึ่งๆ สามารถเพิ่มได้มากถึง 120 ปอนด์ต่อปี เพียงเปลี่ยนจากถังขยะขนาดเล็กไปเป็นถังขยะล้อเลื่อนตามรายงานของ The Recycling Partnership
ในโครงการนี้ เงินทุนที่ได้ ยังนำไปใช้สนับสนุนโครงการการศึกษาเพื่อให้ความรู้แก่ชุมชนว่า สิ่งใดที่สามารถและไม่สามารถนำกลับมารีไซเคิล การให้ความรู้สามารถช่วยป้องกันไม่ให้สมาชิกชุมชนโยนสิ่งของในครัวเรือนซึ่งมีศัพท์เฉพาะว่าเป็น Wishcycling คือ เข้าใจเอาเองว่าสามารถนำไปรีไซเคิลได้ แต่สิ่งเหล่านี้ สร้างความเสียหายให้กับเครื่องรีไซเคิล
“ตอนที่ The Recycling Partnership และ PepsiCo เปิดตัวโครงการ Challenge นี้เมื่อปีที่แล้วเราตระหนักถึงความจำเป็นในการดำเนินการร่วมกันอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อปรับปรุงการรีไซเคิลในสหรัฐอเมริกา และเรายินดีที่ได้เห็นความร่วมมือของพันธมิตร และเพื่อนร่วมงานของเราก้าวหน้าขึ้น ตามมาด้วยการให้เงินทุนสนับสนุนความพยายามนี้”
Simon Lowden ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืน ของ PepsiCo กล่าวต่อ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น และต้องทำงานร่วมกันต่อไป เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่กว่านี้ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบรีไซเคิลของ PepsiCo ตอนนี้ เป็นช่วงวิกฤตมากที่ต้องลดการปล่อยของเสียลงในมหาสมุทรและสภาพแวดล้อม ช่วยกันเพิ่มวัตถุดิบที่จะนำมารีไซเคิลเพื่อขับเคลื่อน Circular Economy และสนับสนุนอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
โครงการ All In On Recycling Challenge องค์กร Recycling Partnership ได้ลงทุนเพื่อปรับปรุงโปรแกรมรีไซเคิลในโอไฮโอ ไอโอวา มินนิโซตา นอร์ทดาโกต้า เท็กซัส และนิวเจอร์ซีย์ รวมทั้งมีแผนขยายไปยังนอร์ธ แคโรไลนา มิชิแกน วิสคอนซิน ,เทนเนสซี และอื่น ๆ ในปีหน้า จนถึงปัจจุบันมีการแจกจ่ายถังขยะล้อเลื่อนเกือบ 115,000 คัน หรืออยู่ในขั้นตอนการแจกจ่ายไปยังครัวเรือนทั่วประเทศ อันเป็นผลมาจากความพยายามนี้
ความก้าวหน้าครั้งสำคัญต่อเป้าหมาย 5 ปี คือ การแจกจ่ายถังขยะล้อเลื่อนมากกว่า 550,000 ครัวเรือน ถังขยะใหม่ทั้งหมดนี้คาดว่าจะรวบรวมวัตถุดิบนำไปรีไซเคิลได้น้ำหนักถึง 55 ล้านปอนด์ต่อปี สิ่งที่คาดว่าได้รับเพิ่มเติมคือ ช่วยให้ชาวอเมริกันรีไซเคิลมากขึ้น และการรีไซเคิลที่ดีกว่าเดิม จะเกิดขึ้นกับชาวอเมริกันกว่า 19 ล้านครัวเรือนภายในปีหน้า
“การพัฒนาระบบรีไซเคิลอย่างยั่งยืนมีความสำคัญต่ออนาคตของโลกของเรา โครงการ The* All In On Recycling* Challenge เปิดโอกาสให้เราได้มารวมตัวกันทั้งในฐานะชุมชน ภูมิภาคและรัฐ องค์กรระดับโลก และปัจเจกบุคคล เพื่อเปลี่ยนเส้นทางของเราไปสู่การมีสุขภาพที่ดีขึ้น ในอนาคตนี่เป็นรูปธรรมของโครงการ Circular Economy ที่แบรนด์ระดับโลกสามารถร่วมมือกับองค์กรไม่หวังผลกำไรเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนเพื่อให้สามารถรีไซเคิลได้ดีขึ้น ให้ความรู้แก่ผู้อยู่อาศัยว่าจะรีไซเคิลอย่างไร ที่ไหน ประหนึ่งว่า เป็นการนำผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดมารวมกันอยู่ในถังขยะ สร้างประโยชน์แก่สังคมด้วยกัน” Keefe Harrison, CEO ของ The Recycling Partnership กล่าว
หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนคือ Central Ohio ที่ซึ่ง Recycling Partnership ทำงานร่วมกับ Solid Waste Authority of Central Ohio ได้แจกจ่ายรถเข็น 38,000 คันไปยังชุมชน 5 แห่ง ได้แก่ Gahanna, Reynoldsburg, Bexley, Blendon Township และ Westerville
ครัวเรือนเหล่านี้ได้รับการอัพเกรดจากถังขยะ 18 แกลลอนเป็นถังขยะล้อเลื่อนขนาด 65 แกลลอน ซึ่งไม่เพียงแต่จะรวบรวมวัสดุมากขึ้นเท่านั้น ยังง่ายสำหรับผู้อยู่อาศัยที่จะเข็นไปริมถนน เก็บรวบรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงลดขยะชิ้นเล็กๆ ด้วยเพราะมีฝาป้องกันวัสดุลอยออกไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำการศึกษา Capture Rate กับวัสดุที่รวบรวมจากถังขยะล้อเลื่อนเหล่านี้ เพื่อระบุพื้นที่สำหรับเพิ่มการศึกษาเรื่องการรีไซเคิล และโอกาสในการปรับปรุง ผลการศึกษาคาดว่าจะนำเสนอได้ในเดือนพฤศจิกายน
Recycling Partnership ยังให้ทุนเพิ่มเติมสนับสนุนโครงการให้ความรู้ด้านการรีไซเคิลกับกลุ่มเพื่อนบ้านในเมืองโคลัมบัสหลายแห่ง เพื่อลดการปนเปื้อนในกระบวนการรีไซเคิล และค่าใช้จ่ายในการควบคุมโปรแกรม
“ทุนนี้มีความสำคัญช่วยให้เราสามารถให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับวัสดุที่ไส่ลงไปได้ในถังขยะล้อเลื่อนรีไซเคิลของพวกเขาผลที่ได้ก็คือ ผู้อยู่อาศัยจำนวนมากได้รับความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับวิธีการรีไซเคิลอย่างถูกต้องเพื่อประโยชน์ต่อความยั่งยืนของโครงการรีไซเคิลของเรา” Tim Swauger ผู้ดูแลระบบกองเก็บขยะ ของโคลัมบัสกล่าว
นอกเหนือจากองค์กรที่กล่าวแล้ว คาดว่าจะมีชุมชนกว่า 2,800 แห่งจะเข้าร่วม ซึ่งจะเพิ่มการลงทุนรวมเป็น 3 เท่า โดยมีการระดมทุนประมาณ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการระดมทุนของเทศบาล ทำให้ยอดรวมตอนนี้เป็น 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
The Recycling Partnership ประมาณการว่า All In On Recycling Challenge นี้จะส่งผลให้ลดคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งส่งผลต่อก๊าซเรือนกระจกรวม 5.5 ล้านตัน เท่ากับการนำรถมากกว่า 1 ล้านคันออกจากถนนเป็นเวลา 1 ปี นอกจากนั้น โครงการนี้คาดว่าจะทำให้เกิดวัสดุรีไซเคิลที่มีคุณภาพ 1.9 ล้านตัน โดยในจำนวนนี้เป็นขวดและกระป๋อง 7,000 ล้านใบ
ที่มา