CSR

น่านแซนด์บอกซ์ ประเดิมคำว่า “ภาวะโลกรวน” ด้วยภาพยนตร์โฆษณาสะท้อนให้เห็นถึงปัญหา และหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม

26 พฤษภาคม 2564…ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทุกวันนี้ส่งผลกระทบไปทุกด้านของชีวิต ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม หวังคนไทยทั่วประเทศตระหนักถึงปัญหา และหันมาใส่ใจปัญหาดังกล่าว ผ่านภาพยนตร์โฆษณาประเดิมใช้คำว่า “ภาวะโลกรวน”

เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯหลายพื้นที่ก็ได้เห็น “ลูกเห็บ” ตกในพื้นที่ตัวเองเป็นครั้งแรกระหว่างที่ฝนกำลังตกหนัก เพราะเกิดจาก พายุรวน รุนแรงอีกทั้งสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนจำนวนไม่น้อย นอกจากนี้ก็ได้เห็นภาวะน้ำท่วมฉับพลันเพราะฝนรวน รวมถึงภัยแล้งจัดยาวนานอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ซึ่งก็เป็นสภาพของแล้งรวน

“ภาวะโลกรวน” ล้วนเกิดจากมนุษย์ ที่ใช้ความเคยชินในการใช้ธรรมชาติเกินความจำเป็น การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า การทำเกษตรพืชเชิงเดี่ยวจำนวนมาก กรีนพีซมีผลสำรวจในปี พ.ศ.2558 พบว่าการเผาป่าและการถางป่าเพื่อปลูกข้าวโพดในจังหวัดน่าน มีส่วนทำให้ปรากฎการณ์เอลนิโญ่รุนแรงขึ้น

นอกจากนี้ ข้อมูลจากทางการจำนวนไม่น้อยกล่าวถึง ขยะมากมายมาจากอาหารที่รับประทานไม่หมด หรือซื้อมาเก็บไว้แล้วอาหารหมดอายุ ทำให้เกิดก๊าซมีเทน จะมีผลกระทบกับโลกมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถึง 25 เท่า และเมื่อกล่าวถึงขยะแล้ว ยังมีปริมาณขยะพลาสติกที่ปนเปื้อนจากบนบกไปสู่แม่น้ำสู่ทะเลมากถึง 32,000 ตัน/ปี โดยขยะทะเลส่วนใหญ่ถึง 80% มาจากกิจกรรมบนฝั่ง เช่น ชุมชน แหล่งทิ้งขยะบนฝั่ง ท่าเรือ และการท่องเที่ยวชายหาด ส่วนที่เหลืออีก 20% มาจากกิจกรรมในทะเล เช่น การขนส่งทางทะเล การประมง และการท่องเที่ยวทางทะเล เป็นต้น

ความเคยชินของมนุษย์ดังกล่าว ส่งผลให้ปล่อย COและก๊าซเรือนกระจก ออกสู่บรรยากาศโลกก่อให้เกิดโลกร้อนและอุณหภูมิโลกสูงขึ้นทุกปี เป็นเหตุให้สหประชาชาติมีมติควบคุมให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ตั้งเป้าหันมาใช้พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลกเพื่อ Net Zero และภายในปี 2593

นับจากวันนี้ การจะเดินไปถึงเป้าหมายอีก 29 ปีข้างหน้านั้น จะต้องไม่ปล่อยให้ “ภาวะโลกรวน” เป็นสิ่งส่งมอบให้พลเมืองโลกรุ่นต่อไป ดังนั้นคนในยุคปัจจุบันจะต้องลงปฏิบัติตั้งแต่เวลานี้ ด้วยวิธีการหลายอย่างตามไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เช่น การปลูกต้นไม้ ช่วยฟื้นฟูป่า ประหยัดพลังงาน ประหยัดไฟ มีการแยกขยะ ลดใช้ถุงพลาสติก เป็นต้น ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาได้ทำหน้าที่สื่อสาร “ภาวะโลกรวน”

ภาพยนตร์โฆษณา เป็นเรื่องราวของแก๊งอสุรกายที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ประกอบด้วย แล้งรวน แล้งจัดยาวนาน ฝนรวน น้ำท่วมฉับพลัน พายุรวน รุนแรงผิดฤดู อสุรกาย ทั้ง 3 ตัว เป็นตัวแทนปัญหา“ภาวะโลกรวน” ที่เกิดขึ้นในชื่อแก๊ง “ภาวะโลกรวน” สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านจนต้องกุมขมับถ้วนหน้า ไม่ว่าจะอยู่จุดไหน ทั้งในเมือง โรงงาน หรือไร่นา ก็หนีไม่พ้น แล้ววันหนึ่งก็มีฮีโร่ปรากฏตัวขึ้น นั่นก็คือ โปรโม กับโปรเม สองนักกอล์ฟสาวไทยที่เป็นตัวแทนของซุปเปอร์ฮีโร่ที่มาพร้อมอาวุธคู่กาย เช่นการปลูกต้นไม้ ช่วยฟื้นฟูป่า การประหยัดพลังงาน เพื่อการปราบภาวะโลกรวนที่กวนโลก

เพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาภาวะโลกรวน ดัดแปลงเนื้อหาจากเพลง “หมากัด” ของเอกชัย ศรีวิชัย เพื่อให้คนดูจำได้ ผ่านท่อนที่บอกว่า “โอ้มาแล้วหนา ภาวะโลกรวน” โดยได้ศิลปินที่ร้องเพลงไทยภาษาไทยชัดเจนอย่าง “เต๋า The Voice” มาช่วยขับร้อง เพราะต้องการทำนองเพลงที่ติดหู สนุกสนาน จดจำง่าย เข้าถึงคนไทยทุกเพศ ทุกวัยให้ฟังแล้วอยากจะขยับจังหวะตามเพลงลูกทุ่งและดนตรีสามช่า

ที่มาของคำว่า “ภาวะโลกรวน” เมื่อปลายปี 2563 โครงการน่านแซนด์บอกซ์จัดกิจกรรม Words Change the World คำพูดเปลี่ยนโลก ที่เปิดโอกาสให้คนไทยส่งผลงานประกวดคิดคำเรียกชื่อภาษาไทย ของ Climate Change ชิงเงินรางวัล 1 ล้านบาท มีคณะกรรมการจากหลากหลายสาขาอาชีพร่วมพิจารณาตัดสิน จนได้คำที่มีความหมายที่ดีและเหมาะสมที่สุด ผู้ชนะเลิศ ได้แก่ พนัส จั่นสังข์ กับคำว่า “ภาวะโลกรวน” เป็นคำที่สั้น เข้าใจง่าย และสื่อถึงผลกระทบได้ทันที

กิจกรรมนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมกว่า 4,300 คน และมีผู้เข้าชมรายละเอียดโครงการผ่านเว็บไซต์กว่า 600,000 คน จำนวน 1.3 ล้านครั้งในช่วงเวลา 2 เดือนของการรับสมัคร แสดงให้เห็นว่า คนไทยจำนวนไม่น้อย ยังคงให้ความสนใจกับปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลกที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น และจะเป็นกระบอกเสียงสำคัญของการสื่อสารข้อมูล และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในที่สุด

เนื้อหาในภาพยนตร์โฆษณา“ภาวะโลกรวน” ต้องการสื่อสารกับพวกเราทุกคนว่า คุณก็ช่วยลด “ภาวะโลกรวน” ได้ !

You Might Also Like