31 ตุลาคม 2566…เพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งต่อองค์ความรู้ในการอนุรักษ์แหล่งน้ำและทรัพยากรธรรมชาติ จุดมุ่งหมายในปีนี้คือการขยายโครงการรักษ์น้ำ ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้จากระดับจังหวัดสู่ระดับประเทศ มีการดำเนินการใน 4 จังหวัด 4 ภูมิภาค เริ่มตั้งแต่พื้นที่ต้นน้ำ จังหวัดเชียงราย พื้นที่กลางน้ำ จังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่ปลายน้ำ จังหวัดฉะเชิงเทรา และพื้นที่ทะเล ในจังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดสุดท้าย
สำหรับค่ายสุดท้าย อยู่ภายใต้แนวคิด “รักษ์น้ำ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน” จับมือกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) จัดค่ายรักษ์น้ำในพื้นที่ทะเล จ.กระบี่ มีตัวแทนครู และนักเรียน จาก 2 คือ โรงเรียนบ้านเกาะจำ อ.เหนือคลอง และโรงเรียนอ่าวลึกประชาสรรค์ อ.อ่าวลึก ทั้งหมด 30 คน เข้าร่วมเวิร์คชอปห้องเรียนสิ่งแวดล้อม พร้อมเรียนรู้ธรรมชาติท้องทะเลและใต้น้ำ ณ อ่าวมาหยา ถือเป็นการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้การอนุรักษ์น้ำและทรัพยากรสิ่งแวดล้อม หวังจุดประกายความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง หรือ Change Agent ให้กับเยาวชน
จงรักษ์ ฐินะกุล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมและเผยแพร่ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความสำคัญของการอนุรักษ์แหล่งน้ำว่า
“ปีนี้องค์การสหประชาชาติได้ขับเคลื่อนพันธกิจตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยทรัพยากรน้ำเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ ที่มีการสร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดให้มีน้ำและสุขอนามัยสำหรับทุกคนและมีการบริหารจัดการที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแนวคิดของ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) ซึ่งขับเคลื่อนโครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุ อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 3 ปี เพื่อส่งเสริมและให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการอนุรักษ์น้ำและฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรธรรมชาติแก่เยาวชน ที่จะกลายเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต พร้อมกับการดำเนินกิจกรรมจากศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา ที่มีบทบาทในการสร้างแรงบันดาลใจและปลุกจิตสำนึกเยาวชนให้มีความรู้ ความตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และกล้าที่จะส่งต่อไปยังคนรอบข้างให้เกิดการตระหนักรู้ในวงกว้าง ขยายเครือข่ายไปสู่ ‘พลเมืองสิ่งแวดล้อม’ ทั่วประเทศไทย เพื่อประเทศที่ยั่งยืนในอนาคต”
มร.โอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซันโทรี่ เบฟเวอร์เรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย และอินโดไชน่า อธิบายถึงจุดประสงค์โครงการว่า
“หนึ่งในพันธกิจของ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด คือความรับผิดชอบต่อธรรมชาติและสังคม เราจึงมีความมุ่งมั่นในการร่วมสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ซึ่งโครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุ เกิดจากความต้องการส่งเสริมและให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรธรรมชาติให้กับเยาวชน โดยเฉพาะเรื่องน้ำซึ่งมีความสำคัญ ต่อระบบนิเวศและการดำเนินชีวิต เพื่อตอกย้ำปรัชญาของซันโทรี่ ที่ว่า ‘Growing for Good’ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน”
อเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) กล่าวเสริมถึงโครงการว่า กว่า 3 ปีที่ผ่านมา “โครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุ” สร้างกระบวนการเรียนรู้ เรื่องน้ำที่เชื่อมต่อกับทุกๆ ภูมิภาคของประเทศ ทำให้เยาวชนได้มีความเข้าใจว่าการดำรงชีวิตของตัวเอง สร้างผลกระทบอะไรให้กับต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และทะเล รวมทั้งเป็นการกระตุ้นการดูแลสิ่งแวดล้อมระดับชาติในสังคมของเยาวชน นอกจากนี้การได้รวมตัวกับภาครัฐและเอกชน ก่อให้เกิดพลัง และเกิดการสนับสนุนอย่างทั่วถึง
“โครงการในปีนี้จึงมีโอกาสสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ ในการเพิ่มเติมองค์ความรู้เรื่องน้ำผ่านห้องเรียนธรรมชาติ ให้กับผู้เข้าร่วมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเป็นความหวังที่จะได้เห็นเยาวชนกลุ่มนี้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมในอนาคต”
สำหรับกิจกรรมทั้ง 3 วัน ทั้งนักเรียน และคุณครูที่ร่วมโครงการ จะได้เรียนรู้การอนุรักษ์แหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อมในรูปแบบห้องเรียนธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมสาระบันเทิงต่าง ๆ อาทิ กิจกรรมความสำคัญของน้ำและผู้รักษาสมดุลแห่งท้องทะเล, มิตซุยกุ เวิร์คช็อป, การศึกษาพฤติกรรมและที่อยู่อาศัยของฉลามครีบดำ, กิจกรรมดำน้ำตื้น, กิจกรรมศึกษาศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล ปิดท้ายกิจกรรมด้วยการสรุปผลการเรียนรู้ที่ได้รับจากการสัมผัสธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากประสบการณ์จริง พร้อมนำเสนอผลงานร่วมกันระหว่างนักเรียน และคุณครู
ศิรินทิพย์ เพชรหนองชุม (ครูเปิ้ล) โรงเรียนอ่าวลึกประชาสรรค์ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ในทรรศนะน่าสนใจในการได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า
“ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนอกห้องเรียนแบบนี้ ก่อนหน้านี้ได้แต่พาเด็กๆไปอควาเรียมได้เห็นปลาแต่ในตู้กระจก แต่ครั้งนี้ทั้งเราเองและเด็กๆได้มีโอกาสมาดำน้ำ ได้เห็นปลาจริงๆ ได้รับความรู้และความสนุกสนาน มีเจตคติที่ดีต่อการจะไปสอนนักเรียนเพื่อมุ่งหวังให้เขาตระหนักรู้เรื่องของการอนุรักษ์น้ำ และเด็กๆก็รู้สึกสนุกมากที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง เราก็เปิดโลกทัศน์เพื่อจะนำประสบการณ์เหล่านี้ไปสอนเด็กในโรงเรียนต่ออีกที เป็นโครงการที่ดีมากต้องขอบคุณมากที่ทางบริษัทซันโทรี่ เบฟเวอร์เรจ แอนด์ ฟู้ดที่จัดค่ายแบบนี้ขึ้นมา”
ในขณะที่น้องนิค ด.ช. สุกฤษฎิ์ อินบัว อายุ 11 ปี ตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนบ้านเกาะจำ กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “เป็นครั้งแรกที่ได้มาค่ายแบบนี้ รู้สึกสนุกมากและประทับใจที่ได้มาเข้าค่ายครั้งนี้เพราะได้มีโอกาสดำน้ำดูปลาฉลาม ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น ปลาฉลามไม่น่ากลัวอย่างที่คิด และมีความสำคัญในแง่ของการรักษาธรรมชาติใต้น้ำ ชอบที่ได้ออกมาเรียนรู้นอกห้อง ได้ประสบการณ์และได้เห็นของจริง เรียนในห้องเราเห็นแต่ในหนังสือ กลับไปเรียนที่โรงเรียนครั้งนี้จะนำความรู้ไปบอกเพื่อนต่อว่าอย่าทิ้งขยะลงทะเล และอนุรักษ์ฉลามด้วยเพราะฉลามใกล้จะสูญพันธุ์”
โครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุได้วางแผนการดำเนินงานโครงการระยะยาวต่อเนื่อง 3 ปี เริ่มต้นที่ปี 2566 เป็นจุดเริ่มต้นในการเพาะเมล็ดพันธุ์ ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและน้ำในพื้นที่ ปี 2567 คือการขยายเมล็ดด้วยการเพิ่มจำนวนคน และสร้างการรับรู้ที่เพิ่มขึ้น และปี 2568 เป็นปีแห่งการปลูกเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเป็นการนำต้นแบบการเรียนรู้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือโรงเรียนอีโคสคูล (Eco-School) และสร้างฐานการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมและน้ำออกไปให้กว้างที่สุด เพื่อสร้างพลเมืองสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด