20 พฤศจิกายน 2566…นับเป็นการจัดงาน โชว์เคสผลงานและไอเดียสร้างสรรค์ของเด็กไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ในศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ก็ยังคงเดินหน้าทำหลักสูตรใหม่ๆ เช่น Fun for Fin เกี่ยวกับเรื่อง Financial Litteracy และจะมีโอกาสเพิ่มเติมเนื้อหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ใกล้ตัว เช่น การคัดแยกขยะในเร็ว ๆ นี้
มาริสา จงคงคาวุฒิ หัวหน้าบริหารกิจกรรมสังคมเพื่อความยั่งยืน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวถึงงาน fai-fah Art Fest 2023 เสมือนกิจกรรมสอบปลายภาคของศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ซึ่งเป็นเวทีการแสดงผลงานของเด็กไฟ-ฟ้าทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ประชาอุทิศ, ถ.จันทน์, บางกอกน้อย, สมุทรปราการ และนนทบุรี ที่ได้ร่วมกันคิดและสร้างสรรค์โปรเจกต์จากสิ่งที่ได้รับการจุดประกายจากศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ผ่านแนวคิด “เด็กธรรมดาคือสิ่งที่สวยงาม” นิทรรศการและการแสดงต่าง ๆ เพื่อให้บุคคลทั่วไปได้เห็นถึงพลังและความมุ่งมั่นของเด็ก ๆ ที่ตั้งใจถ่ายทอดความรู้ความสามารถสู่ไอเดียต่อยอดในด้านต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
“ในงานคุณปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มอบประกาศนียบัตรให้กับผู้เกี่ยวข้องที่ทำงานร่วมกันตลอดทั้งปี เป็นการ Recognize ทุก ๆ คน ที่สำคัญสุดคือ คุณครูได้มาเห็นผลงานลูกศิษย์ทำกับข้าวขายได้ด้วย ซึ่งทุกนิทรรศการและการแสดงภายในงาน เป็นวิชาที่เด็กได้เรียนจากศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ส่วนเด็ก ๆ ที่เรียนคลาสอื่น เห็นพวกพี่เรียนเต้นและเต้นบนเวที ก็บอกว่าปีหน้าหนูอยากเรียนอยากให้พี่มาสอนเต้น ทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ทักษะใหม่จนกระทั่งจบการศึกษา”
มาริสาขยายความต่อเนื่องถึงบูธต่าง ๆ เช่น บูธกิจกรรมอาสาทำ Flash Card บัตรคำศัพท์เสริมการเรียนรู้เพื่อส่งต่อสื่อการเรียนรู้ให้กับเยาวชนกว่า 5,000 คนผ่านโรงเรียนขยายโอกาสทั่วประเทศ และการออกร้านขายผลิตภัณฑ์จากชุมชนและมูลนิธิที่เข้าร่วมกับทีมอาสาสมัครทีทีบี และจำหน่ายสินค้าจากการออกแบบของเด็กไฟ-ฟ้า ได้แก่ กระเป๋าผ้า เสื้อยืด และอาหาร รวมถึงงานแสดงนิทรรศการภาพวาดผลงานของเด็ก ๆ ไฟ-ฟ้า เพื่อให้พนักงานทีทีบี และลูกค้าที่มาใช้บริการได้รับชมผลงาน พร้อมร่วมสนับสนุนผลงานอีกด้วย
ทั้งนี้ ภาพวาดบางส่วนซึ่งเด็ก ๆ ได้ใช้เทคนิคใหม่ ๆ ตามยุคสมัย จะนำไปจัดนิทรรศการที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA Bangkok) เพื่อให้ผู้สนใจด้านศิลปะได้รับชมผลงานของเด็ก ๆ ไฟ-ฟ้า ในช่วงวันเด็ก เดือนมกราคม 2567
“fai-fah Art Fest จัดมามากกว่า 5 ปี เราพบพัฒนาการว่า ข้อดีของเด็กยุคนี้เขาปรับตัวได้เร็ว เด็กสนใจอะไรก็จะเรียนรู้ได้เร็ว แต่ที่เป็น Key Challenge ของเราคือ ทำอย่างไรให้เด็ก ๆ โฟกัส เพราะมีอะไรหลายอย่างมากที่ดึงความสนใจของเขา เราพยายาม Engage เขาตลอดเพื่อให้เขามาเรียนอย่างต่อเนื่อง เราเพิ่มวาไรตี้ ครูเองเพิ่มเทคนิคการสอน ให้ Engaging ได้ตลอดเวลา หรือเมื่อมีเวที พาเขาออกไปประกวดข้างนอก ไม่ใช่เรียนเฉพาะในห้อง สิ่งเหล่านี้ต้องพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เด็กอยากจะเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้ค้นพบศักยภาพตัวเอง”
มาริสากล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ได้เพิ่มเติมวิชา Fun for Fin เกี่ยวกับเรื่อง Financial Litteracy จะให้เด็ก ๆ ได้เรียนทักษะทางการเงิน ซึ่งเป็นทักษะที่โรงเรียนยังไม่ได้สอน จัดเป็นวิชาเรียนที่สำคัญของเด็กไฟ-ฟ้า เป็นวิชาใหม่มาก ๆ หลังจากเรียนจบ 9 สัปดาห์ เด็กบอกว่า ต่อไปนี้หนูจะไม่ซื้อของฟุ่มเฟือยแล้ว เน้นให้ฉลาดออม ฉลาดใช้ ในรูปแบบ Life Skiil ที่ตอบโจทย์เด็กมากขึ้น ยังไม่ถึงขั้นการลงทุน
“เรื่องออนไลน์ ตอนนี้เรา Explore มากขึ้น แม้แต่คลาสครัวเราก็เริ่มสอนออนไลน์แล้ว เชฟท้องถิ่นก็เข้ามาเรียน ส่งวัตถุดิบทางออนไลน์กันเลย ทำไปพร้อมกับครูที่สอนเด็ก ไฟ-ฟ้าที่กรุงเทพฯ ดังนั้น อยู่ต่างจังหวัดก็เรียนได้ เราจะนำร่องแบบนี้ให้มากขึ้น เช่น การสอนสูตรไก่ทอดหน้าโรงเรียน เด็กก็อยู่ในครัวที่บ้านของเขา เราส่งวัตถุดิบไป ของไปถึง 11 โมงก็แกะลองทำตามครู เป็นหลักสูตรออนไลน์ที่เราจะทำเพิ่มขึ้น”
มาริสากล่าวในท้ายที่สุดถึง Next Step ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า เชิงนโยบายยังเป็นศูนย์เรียนรู้มุ่งเน้น Art and Life Skill เป็นสิ่งที่เชื่อว่า ความรู้ทันสมัยตอบโจทย์เด็กยุคปัจจุบันมากขึ้นเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเด็ก ๆ ยั่งยืนได้
จุดประกายสร้างอาชีพ เปลี่ยนเด็กไฟ-ฟ้าให้ชีวิตดีขึ้น
“ปืน” ศรัณย์กรณ์ ทิศานุรักษ์
ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า เป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2
จบคลาสเรียนเต้นจากศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าที่ได้นำทักษะไปต่อยอดสร้างรายได้จากการเป็นครูสอนเต้น บอกว่า รักการเต้นมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.5 โดยเริ่มเรียนรู้จาก YouTube ยึดพื้นที่สวนสาธารณะเป็นเวทีฝึกฝน จนมีรุ่นพี่มาชักชวนให้เข้ามาเป็นเด็กไฟ-ฟ้า ทำให้ได้รับการพัฒนาทักษะและมีพื้นฐานการเต้นที่ถูกต้องจากครูผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการไปต่อบนเส้นทางสายอาชีพนักเต้น หลังจากเรียนจบพยายามค้นหาความชอบและสไตล์ของตัวเอง พร้อมทั้งต่อยอดในเชิงการให้ความรู้เรื่องการเต้น มีเป้าหมายเล็ก ๆ ต้องการเป็นครูสอนเต้น ช่วยพัฒนาศักยภาพให้เด็กที่มีความฝันได้ประสบความสำเร็จ เพราะรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้สอนน้อง ๆ และเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น ส่วนเป้าหมายสูงสุดอยากมีโอกาสเป็นครูสอนเต้นให้กับศิลปินที่มีชื่อเสียงสักคน หรือเป็นคนคิดท่าเป็นเต้นขึ้นมาเพื่อให้คนได้จดจำ
“ไฟ-ฟ้า เป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 สิ่งที่ผมได้รับไม่ใช่แค่ทักษะการเต้น แต่รวมถึงทักษะชีวิต เพราะครูจะสอนเกี่ยวกับการใช้ชีวิตด้วย เช่น ถ้าเราใช้ชีวิตแบบไม่มั่นใจ การเต้นก็จะสะท้อนออกมาแบบไม่มั่นใจ ซึ่งผมเป็นคนที่ไม่มั่นใจเลย เมื่อเข้ามาเรียนครูก็ผลักดันทำให้มีความมั่นใจกล้าแสดงออกมากขึ้น และศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้ายังสอนให้รู้จักการให้ ผ่านกิจกรรมที่ปลูกจิตสำนึกให้กับเด็ก ๆ ผมดีใจที่ได้กลับมาร่วมเวที fai-fah Art Fest 2023 เพราะเป็นกิจกรรมที่ติดตามความคืบหน้าและพัฒนาการของเด็กในแต่ละปีว่าเป็นอย่างไร นอกจากนี้ ยังทำให้เด็กรู้จักการทำงานเป็นทีมที่เป็นพื้นฐานของการเข้าสังคมการทำงานในอนาคต และได้ฝึกเรื่องการสื่อสารด้วย ผมมองว่าเป็นกิจกรรมที่ควรมีทุกปี เพื่อเป็นเวทีให้น้อง ๆ พัฒนาศักยภาพ ซึ่งหลายคนพยายามหาเวทีในการนำเสนอผลงานของตัวเอง แต่ทำไม่ได้ ดังนั้น การได้มาลองเปิดตัวในพื้นที่ Comfort Zone ก่อน จะทำให้คุ้นชินและมีประสบการณ์ กล้าที่จะก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัย”
“เบียร์” กฤตเมธ ทานะมัย
บ้านอีกหลังที่ช่วยผลักดันความฝัน
มีเป้าหมายทำงานด้านคอนเทนต์ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง บอกว่า ช่วงที่กำลังค้นหาความสนใจของตัวเอง เรียนอยู่ชั้น ม. 2 เพื่อนได้ชวนตั้งวงดนตรี และเข้ามาเป็นเด็กไฟ-ฟ้า เรียนในคลาสกีตาร์โปร่ง แต่ต่อมามักรับหน้าที่หลักเป็นนักร้องของวง จึงเปลี่ยนมาเรียนคลาสร้องเพลง ซึ่งยอมรับว่าช่วงแรกไม่ค่อยสนใจมาเรียน เพราะติดเพื่อนและสังคมในโรงเรียน แต่เมื่อเข้ามาเรียนที่ไฟ-ฟ้าอย่างจริงจัง พบว่ามีสิ่งดี ๆ มากมาย นอกจากการเรียนรู้ทักษะการร้องเพลงแล้ว ยังทำให้รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ได้เรียนรู้วิธีการคิด มุมมองใหม่ ๆ ไอเดียในการสร้างสรรค์ผลงาน และการทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ รวมทั้งทำให้กล้าแสดงออกอย่างมั่นใจ ที่สำคัญยังสอนเรื่องการให้อย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้กับสังคม
“ทุกวันนี้ยังคุยกับเพื่อนว่า นึกภาพไม่ออกเลยถ้าไม่มาเป็นเด็กไฟ-ฟ้า ชีวิตผมจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ผูกพันเหมือนเป็นบ้านอีกหลัง เวลาเหนื่อยอยากพักก็มาที่นี่ และดีใจมากที่ได้มาร่วมกิจกรรม fai-fah Art Fest 2023 ซึ่งเป็นเวทีสร้างประสบการณ์ให้กับผมและเพื่อน รวมถึงน้อง ๆ รุ่นใหม่ได้มีโอกาสสัมผัสกับเวทีจริง ได้เรียนรู้และเก็บสิ่งที่ได้ทำเอาไปพัฒนาทักษะของตัวเอง ผมมองว่าเป็นเรื่องดีที่ได้มาโชว์ฝีมือให้คนได้ดู แม้กิจกรรมจะคล้าย ๆ กันทุกปี แต่นั่นยิ่งทำให้เรามองเห็นความแตกต่าง สมมติว่าผมมีโอกาสมาร้องเพลง 3 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกอาจจะประหม่าทำได้ไม่ดี เมื่อมาโชว์ในครั้งที่ 2-3 ผมต้องทำให้ดีขึ้น ถ้าพี่ ๆ เห็นเราตลอดก็จะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น ผมว่าทุกงานทุกปีเป็นพื้นที่ให้เราได้พัฒนาและเก็บประสบการณ์ เราเริ่มรู้จักวิธีการกำจัดความตื่นเต้น รู้วิธีทำให้คุ้นชินกับเวที ดังนั้น นี่คือพื้นที่สำหรับการพัฒนาของเด็ก ๆ การมีเวทีแบบนี้ช่วยได้เยอะ เราได้ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ และสามารถนำไปพัฒนาต่อได้”