21 กรกฎาคม 2563…เด็กนักเรียนชั้นป.1–ป.4 ในท้องถิ่นทุรกันดาร ยังขาดหน้ากากผ้าเฉพาะเด็กอีกมาก ตอกย้ำสุขลักษณะ ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่างทางสังคม ยังต้องส่งต่อให้เด็ก ๆ โดยผ่านการประกวดวาดภาพระบายสี
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ในฐานะประธาน มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ กล่าวถึงเด็ก ๆ ที่คนจำนวนมากไม่ค่อยได้นึกถึงคือนักเรียนที่อยู่ในท้องถิ่นทุรกันดาร นับตั้งแต่ที่ Covid-19 ระบาดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ยังขาดแคลนหน้ากากผ้าที่มีคุณภาพให้กับเด็กนักเรียนระดับประถมต้น ป.1 – ป.4 ซึ่งที่ผ่านมา “มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์” และ “คณะนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง” (ปธพ.) รุ่นที่ 1-8 ได้ช่วยเหลือไปแล้วบางส่วน
“วันนี้ ผู้ใหญ่ใจดีอย่างมูลนิธิเอสซีจี ได้เข้ามาช่วยเหลือมอบหน้ากากผ้าให้น้อง 100,000 ชิ้น ซึ่งมอบผ่านโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จำนวน 21 แห่ง และโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จำนวน 11 แห่ง ทั้ง 2 โรงพยาบาลรู้พื้นที่จริงที่เด็กนักเรียนระดับป.1–ป.4ในท้องถิ่นทุรกันดารต้องการหน้ากากผ้าจะเป็นประโยชน์ต่อเด็กเอง กับครอบครัวและชุมชน นอกจากนี้สิ่งต้องการคือ แพทย์และพยาบาลช่วยให้ความรู้เด็ก ๆ ครู ชุมชนว่า ทำไมต้องใส่หน้ากาก ต้องล้างมือบ่อย ๆ และเว้นระยะห่าง อยากให้เด็กเข้าใจ และคำนึงถึงสุขอนามัย”
รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ประธานกรรมการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่ามูลนิธิเอสซีจี มุ่งมั่นเสริมสร้างศักยภาพเด็กและเยาวชนรวมถึงปลูกฝังจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม เล็งเห็นถึงความสำคัญของหน้ากากผ้าที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคของเด็ก ๆ ในช่วงเปิดเทอม
“หน้ากากเด็กแตกต่างจากผู้ใหญ่ เด็กไม่สามารถใส่หน้ากากผู้ใหญ่ได้ ดังนั้นการที่มูลนิธิเอสซีจีมอบหน้ากาผ้าครั้งนี้จะมีขนาดที่เหมาะสมกับใบหน้า วัสดุที่นำมาใช้ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความทนทาน รวมทั้ง สีสันเพื่อเพิ่มความน่าใช้ มีขนาดที่เหมาะสม สามารถปรับขนาดได้ อีกทั้งต้องมีคุณภาพที่ดี ปลอดภัย และ ดูแลรักษาง่าย นอกจากนี้เด็กๆ ยังสามารถเขียนชื่อที่หน้ากากเพื่อป้องกันการสูญหายหรือสลับกัน ทั้งนี้หน้ากากจากโครงการจะมอบให้เด็กระดับ ป.1-ป.4 คนละ 1 ชุด ชุดละ 2 ชิ้น”
ทั้งนี้ มูลนิธิเอสซีจี จะส่งมอบหน้ากากผ้าจำนวน 100,000 ชิ้น มูลค่า 3,500,000 บาท ให้กับมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ เพื่อส่งมอบต่อให้กับเด็ก ๆ ในท้องถิ่นทุรกันดาร
รุ่งโรจน์กล่าวเพิ่มเติม พร้อมกันนี้มูลนิธิเอสซีจีและมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ยังได้จัดโครงการประกวดภาพวาดระบายสี “เด็กไทยสู้ภัยโควิด” (Thai Kids Fight COVID) ในหัวข้อ “การดูแลตัวเองที่โรงเรียน ให้ห่างไกลจากโควิด -19”
“การจัดการประกวดวาดภาพระบายสีครั้งนี้ เราได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในการช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการไปยังโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เด็ก ๆ ทั่วประเทศ ได้ส่งภาพเข้าประกวดอีกทั้งยังได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร เป็นประธานคณะกรรมการตัดสิน รวมถึงศิลปินผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมเป็นคณะกรรมการ อาทิ คุณครูสังคม ทองมี”
การประกวดเป็น 2 ประเภท คือ ระดับชั้นป. 1-ป.3 และ ระดับชั้นป.4-ป.6 โดยวาดภาพผลงานลงบนกระดาษขนาด A3 ไม่จำกัดเทคนิคการวาด สามารถใช้สีได้ทุกประเภท
คุณครูสังคม ขยายความถึงการตัดสินภาพวาด นอกจากจะดูประเด็นตามหัวข้อ เช่น การใส่หน้ากาก การล้างมือ การเว้นระยะห่างแล้ว จะมองถึงการมีความคิดสร้างสรรค์ โดดเด่น ไม่มีการลอกงาน
“ใครสร้างสรรค์ได้เก่ง จัดองค์ประกอบภาพได้เก่ง ใช้สิ่งที่ตัวเองถนัดจะเป็นสีน้ำ สีชอล์ก หรืออื่น ๆ ใช้ได้ทั้งหมด ขอให้เด็ก ๆ แสดงออกให้เต็มที่ ซึ่งเชื่อว่านักเรียนจำนวนมากต้องการที่จะแสดงออก เด็กพร้อมแล้วที่จะร่วมกิจกรรมนี้ ซึ่งสพฐ.จะสามารถสื่อสารให้กับโรงเรียนนับ 3 หมื่นแห่งทั่วประเทศ”
สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการ มูลนิธิเอสซีจี กล่าวในท้ายที่สุดว่า มูลนิธิเอสซีจี องค์กรสาธารณกุศลที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนา “คน” โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาชาติในอนาคต “โครงการเด็กไทยสู้ภัยโควิด” ช่วยรณรงค์ส่งเสริมค่านิยมในการใส่หน้ากากของเด็ก ซึ่งความร่วมมือกันในครั้งนี้จะทำให้เด็ก ๆ อันเป็นอนาคตของชาติมีความปลอดภัยมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาต้องอยู่ร่วมกันที่โรงเรียน
สำหรับผู้ที่สนใจส่งภาพผลงานของนักเรียนเข้าประกวด สามารถศึกษากติกาและดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.scgfoundation.org หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2586 2042 และ 0 2586 1190 และ เฟซบุ๊กมูลนิธิเอสซีจี