13 กรกฎาคม 2564…นับเป็นความร่วมมือระยะยาวเริ่มจากการระบาดโควิด-19 ระลอก 3(+1) สำหรับผู้ที่ต้องการวงเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องด้านการเงิน และกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในช่วงโควิด-19
ฮาว ริเร็น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด และเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ร่วมกันกล่าวถึงแคมเปญ ‘ใจดี มีวงเงินให้ยืม’
ข้อมูลเชิงลึกจากการสำรวจปัญหาทางด้านการเงินของลูกค้าดีแทค ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2563- 2564 พบว่า ลูกค้าของเราต้องเผชิญภาวะความตึงเครียดด้านการเงิน การจัดการค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พอมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องใช้เงิน ก็หันไปพึ่งสินเชื่อจากแหล่งต่าง ๆ ซึ่งมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ถูกต้อง เหมาะสม และที่สำคัญ ดีแทคเข้าใจและเข้าถึงความท้าทายที่แท้จริงของลูกค้าเราที่ต้องเผชิญนอกเหนือจากสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ นั่นคือ ความรู้ ความพร้อม การเข้าถึงการเงิน และดิจิทัล
“คนจำนวนมากยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงการให้บริการทางการเงินที่ถูกต้องเหมาะสม โดยเฉพาะลูกค้าแบบเติมเงิน ที่มีรายได้เป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ ซึ่งมีความไม่แน่นอนทางการเงินสูง ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มีใบแจ้งเงินเดือน ไม่มีเอกสารรายได้แบบทางการ บางคนไม่มีความรู้ความเข้าใจในบริการทางการเงิน”
ฮาว ริเร็น ขยายความต่อเนื่อง นอกจากนี้ ความรู้และทักษะการเข้าถึงดิจิทัลยังมีน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีรายได้น้อย อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งในการเข้าถึงแหล่งทางการเงิน เราพบว่า ลูกค้าของเราเพียง 56% เท่านั้น ที่มีโมบาย แบงค์กิ้งแอป
แน่นอนว่า ความท้าทายเรื่อง ความรู้ ความเข้าใจทางการเงิน และดิจิทัล จะจำกัดการสร้างโอกาสต่างๆ ในชีวิต การมีคุณภาพชีวิตที่ดี และยังมีความเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่ผลกระทบหรือทางออกในแง่ลบ เช่น การเงินนอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยและขั้นตอนการติดตามหนี้สินที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะดูแลลูกค้าของเราด้วยใจ ผ่าน “บริการใจดี” ที่อยู่เคียงข้างและสร้างรอยยิ้มให้กับคนไทยมากว่า 17 ปี มอบความช่วยเหลือยามฉุกเฉิน และเป็นเพื่อนคู่คิดของลูกค้าดีแทคในด้านต่างๆ วันนี้ “บริการใจดี” พร้อมก้าวไปอีกขั้น ด้วยบริการทางการเงินใหม่ล่าสุด ในแคมเปญ “ใจดี มีวงเงินให้ยืม” ยืมง่าย อนุมัติไว! ภายใต้ความร่วมมือจาก LINE BK และ KBTG พันธมิตรของเรา โดยจุดเด่นคือ การให้บริการสินเชื่อแบบดิจิทัลที่สามารถสมัครและรับการอนุมัติผ่าน LINE ได้เลย ตัดความยุ่งยากจากการสมัครและติดตามผลการอนุมัติสินเชื่อโดยปกติทั่วไป ทำให้ลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าของดีแทคที่ใช้มือถืออยู่แล้วได้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
“ลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติในแคมเปญนี้ นอกจากจะได้รับเงินคืนถึง 200 บาทจากดีแทคแล้ว ลูกค้ายังจะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ 9.99% ต่อปีนาน 2 เดือนจาก LINE BK อีกด้วย อย่างไรก็ตามดีแทคถือเป็นพันธมิตรรายแรกของ LINE BK ในการร่วมมือกันนำเสนอบริการสินเชื่อดิจิทัลให้แก่ลูกค้าพาร์ทเนอร์ ด้วยวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ เอง เราจึงมองหาโอกาสในการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อุตสาหกรรมอื่น ๆ ในอนาคต เพื่อสร้างสรรค์บริการที่แตกต่าง และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกแง่มุมมากยิ่งขึ้น ” ธนา กล่าว
เรืองโรจน์ กล่าวในฐานะที่เราเป็นองค์กรเทคโนโลยีชั้นนำที่มีภารกิจหลักคือการเสาะหา นวัตกรรมและบริการใหม่ ๆ เราเล็งเห็นศักยภาพในการผนึกกำลังกับทั้งสองบริษัทเพื่อสร้าง Co-Innovation Partnership นี้ขึ้นมา LINE BK เป็นแพลตฟอร์ม Social Financial จากการร่วมทุนระหว่างทางธนาคารกสิกรไทยและ LINE ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือและกลุ่มที่เป็น Self-Employed โดยง่าย ส่วนดีแทคเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่มีผู้ใช้งานมากถึง 19 ล้านคนที่รู้ซึ้งถึงความต้องการของลูกค้า
“เทคโนโลยีทางการเงินของ KBTG สามารถช่วยเติมเต็มให้การพัฒนาแคมเปญ ใจดี มีวงเงินให้ยืม สมบูรณ์แบบและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างดี โดยเราทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี (Tech Provider) ที่นำระบบของพันธมิตร”
แคมเปญใจดี มีวงเงินให้ยืม ในช่วงแรก จะทดลองมอบข้อเสนอให้กับลูกค้าดีแทคเฉพาะกลุ่มผ่านช่องทาง dtac แอปพลิเคชัน SMS จากดีแทค และสื่อออนไลน์ และระบบจะเปิดให้สามารถเข้าสมัครบริการวงเงินให้ยืม (Credit Line) ของ LINE BK ได้ทันทีเพื่อนำเงินไปใช้ประโยชน์ตามที่ผู้กู้ต้องการ เช่น เพื่อการบริโภคและการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยลูกค้าสามารถเลือกการเบิกถอนเงินสดตามสะดวกได้ทันทีหลังได้รับอนุมัติวงเงิน โดยมีข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าดีแทค รับเงินคืนหรือสิทธิ์ส่วนลด 200 บาท พร้อมโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษ จาก LINE BK โดยแคมเปญจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 – 30 กันยายน 2564