12 ตุลาคม 2564… IBM เปิดตัวเครื่องมือ AI ให้ข้อมูลเชิงลึกด้านสิ่งแวดล้อม ช่วยองค์กรตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน และ ปัญหาสภาพภูมิอากาศ พร้อมประเมินผลกระทบที่องค์กรสร้างขึ้นต่อโลกได้ง่ายขึ้น และลดความซับซ้อนในการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับที่กำกับดูแลและการจัดทำรายงานที่เกี่ยวข้อง
วันนี้หลายบริษัทกำลังเผชิญ “ความเสี่ยง” คือความเสียหายต่อทรัพย์สินอันเป็นผลมาจากปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การหยุดชะงักของซัพพลายเชนและการปฏิบัติงาน รวมถึงความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นจากทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน ที่กดดันให้องค์กรต้องให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อม
รายงาน Global Risks Report 2021 โดย World Economic Forum ระบุว่าสภาพอากาศอันรุนแรง ความล้มเหลวจากการรับมือกับปัญหาสภาพภูมิอากาศ และความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ คือความเสี่ยงสูงสุด 3 อันดับแรกสำหรับธุรกิจในช่วง 10 ปีข้างหน้า วันนี้ธุรกิจต้องการมุมมองเชิงลึกด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ แต่วิธีการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นมีความยุ่งยากและซับซ้อน เนื่องจากเป็นการทำงานแบบแมนวลที่ใช้คนจำนวนมาก ต้องอาศัยคนที่มีทักษะด้านสภาพอากาศและวิทยาศาสตร์ข้อมูล รวมถึงต้องใช้พลังประมวลผลจากคอมพิวเตอร์
เครื่องมือ IBM Environmental Intelligence Suite ที่ประกาศล่าสุด จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพ และบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงกระบวนการดำเนินการที่รองรับอยู่ได้โดยอัตโนมัติ อาทิ การทำบัญชีและลดการใช้คาร์บอนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ชุดเครื่องมือดังกล่าวใช้ประโยชน์จากข้อมูลสภาพอากาศจากไอบีเอ็ม ซึ่งเป็นผู้ให้บริการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำที่สุดในภาพรวม ร่วมกับข้อมูลการวิเคราะห์ภูมิสารสนเทศขั้นสูง และนวัตกรรมใหม่จากศูนย์วิจัยไอบีเอ็ม โดยนับเป็นครั้งแรกของการผสานศักยภาพของ AI ข้อมูลสภาพอากาศ ข้อมูลความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศเชิงลึก และความสามารถในการจัดทำบัญชีคาร์บอน เข้าด้วยกัน ช่วยให้องค์กรใช้ทรัพยากรในการบริหารจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนเหล่านี้น้อยลง และมีเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับปรุงการดำเนินการมากขึ้น
ชุดเครื่องมือ IBM Environmental Intelligence Suite เป็นโซลูชั่น SaaS ที่ได้รับการออกแบบเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถ
• มอนิเตอร์สภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น สภาพอากาศที่รุนแรง ไฟป่า น้ำท่วม และคุณภาพอากาศ พร้อมส่งการแจ้งเตือนเมื่อมีการตรวจพบ
• คาดการณ์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและสภาพภูมิอากาศ โดยใช้การวิเคราะห์ความเสี่ยงสภาพภูมิอากาศ
• ดึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการหยุดชะงักของการดำเนินงานที่อาจเกิดขึ้นได้ พร้อมจัดลำดับความสำคัญของเรื่องที่ต้องตอบสนอง
• วัดผลและจัดทำรายงานเกี่ยวกับตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมและการทำบัญชีคาร์บอน ซึ่งจะเป็นการลดภาระในการจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อมของทีมจัดซื้อและทีมปฏิบัติการ
ชุดเครื่องมือดังกล่าวให้ข้อมูลเชิงลึกด้านสิ่งแวดล้อมผ่านทาง API แดชบอร์ด แผนที่ และการแจ้งเตือน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถจัดการความท้าทายด้านการดำเนินงานได้ทันท่วงที พร้อมวางแผนและกลยุทธ์ในระยะยาวเพื่อรับมือ เช่น ผู้ค้าปลีกสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการขนส่งสินค้าในจุดที่มีสภาพอากาศรุนแรงและประสบปัญหาเกี่ยวกับสินค้าคงคลัง หรือทราบถึงปัจจัยเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับจุดที่ตั้งคลังสินค้าในอนาคต สำหรับบริษัทด้านพลังงานและสาธารณูปโภค
เครื่องมือนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดได้แม่นยำยิ่งขึ้นว่า ควรตัดแต่งต้นไม้ที่อยู่บริเวณรอบสายไฟในจุดไหน หรืออุปกรณ์สำคัญชิ้นใดที่มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากไฟป่าอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เครื่องมือดังกล่าวยังสามารถช่วยให้ซูเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ เห็นภาพมากขึ้นว่าระบบทำความเย็นกำลังมีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในภาพรวมอย่างไร ช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงในเรื่องดังกล่าวได้
“อนาคตของธุรกิจและสิ่งแวดล้อม มีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง เพราะไม่เพียงบริษัทต่าง ๆ จะต้องรับมือกับผลกระทบจากสภาพอากาศที่รุนแรงที่อาจมีต่อการดำเนินงาน แต่ยังต้องสามารถอธิบายต่อผู้ถือหุ้นและหน่วยงานที่กำกับดูแลได้ว่าการดำเนินงานของตนส่งผลกระทบต่อโลกอย่างไร” คารีม ยูซุฟ กรรมการผู้จัดการ IBM AI Applications กล่าว “ไอบีเอ็มได้ผนึกพลังของ AI และ Hybrid Cloud เข้าด้วยกัน เพื่อให้มุมมองอัจฉริยะเชิงลึกด้านสิ่งแวดล้อมแก่ธุรกิจ ที่จะช่วยปรับปรุงการจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการเพื่อลดการใช้ทรัพยากร และการวางแผนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและฟื้นตัวได้เร็ว โดยเฉพาะในยามที่ต้องเผชิญกับความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ”
วันนี้หลายบริษัททั่วโลกได้เริ่มใช้งานเทคโนโลยีสภาพอากาศและ AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักใน IBM Environmental Intelligence Suite แล้ว อาทิ BP Bunge Bioenergia ซึ่งเป็นบริษัทด้านเอธานอล พลังไฟฟ้าชีวภาพ และน้ำตาล ของบราซิล ที่ได้ใช้ข้อมูลสิ่งแวดล้อมและการวิเคราะห์ภูมิศาสตร์สารสนเทศเชิงลึก เพื่อช่วยให้เข้าใจการผลิตอ้อยและเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ตลาดในแง่ที่เกี่ยวกับการผลิตน้ำตาลทั่วโลก นอกจากนี้ Cajamar ซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจการเกษตร ก็ได้นำข้อมูลดังกล่าวเข้าช่วยชาวไร่สเปนในการเพิ่มผลผลิต และลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ผ่านเครื่องมือดิจิทัล Plataforma Tierra
ชุดเครื่องมือ IBM Environmental Intelligence Suite ยังใช้เทคโนโลยีจากศูนย์วิจัยไอบีเอ็ม ที่ใช้ความสามารถของการประมวลผลภาษาธรรมชาติและออโตเมชัน เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถคาดการณ์ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน พร้อมระบุได้ว่าควรปฏิบัติอย่างไรเพื่อลดการปล่อยก๊าซในระหว่างการดำเนินงานและการทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ต่าง ๆ