NEXT GEN

SCGP พร้อมนำธุรกิจสู่ Net Zero 2593 หลังอยู่ในตลท.เพียง 1 ปี

27 ตุลาคม 2564…เพียงระยะเวลา 1 ปี นักลงทุนเห็นผลการดำเนินงานของ SCGP สามารถสร้างการเติบโตในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2564 บริษัท จะสามารถทำรายได้จากการขายมากกว่า 100,000 ล้านบาท และใช้เงินลงทุนในการขยายธุรกิจมากกว่า 20,000 ล้านบาท

วิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า การใช้เงินลงทุนดังกล่าว เพื่อรักษาความเป็นผู้นำโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยยังคงมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและเมกะเทรนด์ของเศรษฐกิจไทยและอาเซียน การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน เช่น เทคโนโลยีเครื่องจักร (Mechanization) ระบบอัตโนมัติ (Automation) ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ คาดการณ์ และเพิ่มประสิทธิภาพของการผลิตและผลิตผล (Productivity) ให้กับภาคอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ยังคงให้ความสำคัญในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม อาทิ การพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ (Recyclability) และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานทดแทน (Renewable Energy) ในกระบวนการผลิต เพื่อให้บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจไปอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)

ด้วย SCGP มีความชัดเจนเรื่อง Sustainability ดังนั้นจะเห็นความก้าวหน้าในเรื่องนี้คู่กับการขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ และวางแผน Net Zero 2593 โดยแบ่งแผนเป็น 3 ส่วนคือ

1.ลดการใช้พลังงานจากฟอสซิส ใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมาจากชิ้นไม้สับ รวมเปลือกไม้ ปัจจุบัน SCGP ใช้พลังงานทดแทนประมาณ 40% จากที่ใช้อยู่
2.การใช้ Carbon Capture หรือ การดักจับคาร์บอน การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน จะเป็นเทคโนโลยีอนาคตที่กำลังปรับปรุงพัฒนาทั่วโลก และจะเป็นรูปธรรมในเวลาอันใกล้นี้ นั่นเป็นเหตุผลที่มีเป้าหมายในปี 2593
3.Carbon Neutral หรือ การเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่ง SCGP ทยอยปลูกต้นไม้เพื่อมาชดเชยค่าคาร์บอน เป็นการเพิ่มออกซิเจนในอากาศ นั่นคือเมื่อปลูกต้นไม้มากกว่า 10 ปีจะมาเคลมคาร์บอนเครดิตได้

วิชาญย้ำว่า จากแผนทั้งสาม SCGP มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนสู่ Net Zero 2593

 

You Might Also Like