30 ธันวาคม 2564-4 มกราคม 2565…MSCI เผยจะมีเรื่องสำคัญใดมาสู่ปี 2022และทศวรรษหน้า ? กันบ้าง ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาวะโลกรวนก้าวเข้ามาเป็นปัจจัยด้านธรรมาภิบาลขององค์กร
ในฐานะปัญหา ESG เร่งด่วนที่สุด ซึ่งอยู่ในความสนใจของนักลงทุน และการลงทุนเกี่ยวกับ ESG ได้กลายเป็นกระแสหลัก (รวมถึงกำลังดึงดูดองค์กรกำกับดูแลให้หาวิธีวัดผล) ปัจจุบัน ยังคงมีความเสี่ยงใหม่ ๆ ทั้งสำหรับบริษัท นักลงทุน และโลกในทศวรรษหน้าที่จะต้องทดสอบว่า ผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 ส่วนได้เรียนรู้บทเรียนที่ผ่านมาได้ดีเพียงใด
การแก้ปัญหาโลกรวนสำคัญที่สุด
1.ผลกระทบใหม่จาก Amazon
การผลักดันระดับองค์กร
ทุกวันนี้ ผู้บริโภคแทบทุกคนซื้อของจาก Amazon แต่ประเด็นคือ Amazon ซื้อจากใคร? ในการประชุมคณะกรรมการบริษัททั่วโลก การผลักดันให้ตั้งเป้าหมาย Net-Zero
เป็นเรื่องไม่อาจเพิกเฉย : คำถามคือ ถ้าคู่ค้าทำซัพพลายเชนแบบ Net-Zero แล้ว เราจะทำอย่างไร ? ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกทำงานเพื่อไปสู่เป้าหมายข้างต้น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) อาจเป็นวิธีง่ายๆ ลดแรงกดดันเรื่องดังกล่าว
2.ลดการปล่อยมลพิษ
ภายใต้การตรวจสอบสาธารณะ
มีคำวิจารณ์ที่ว่าบริษัทเอกชนจำนวนมากผลิตสินค้าด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ปล่อยคาร์บอนเข้มข้นกำลังพยายามซ่อนตัวเอง ประเด็น คือ ข้อกล่าวหาที่ว่านี้จริงหรือไม่? ไม่มีคำตอบชี้ชัด เพราะกองทุนไพรเวทอิควิตี้ที่เป็นเจ้าของบริษัทเหล่านี้ล้วนปิดปากเงียบ
3. ลดการใช้ถ่านหิน
คิดใหม่ทำใหม่เรื่องการลงทุน
ถ้าเป้าหมายคือ การทำพอร์ตให้เป็น Net Zero การลดการลงทุนดูเหมือนจะเป็นหนทางลดแรงต้านที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการใช้ถ่านหิน แต่ที่ผ่านมา การทำตามเป้า Net Zero แทบจะไม่มีอะไรคืบหน้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย นักลงทุนจำเป็นต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งประกอบด้วย : หาสิ่งใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง ใช้เงินลงทุนน้อยลงแต่ได้ผลเท่าเดิม และเข้าร่วมเวทีการพูดคุยเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริง
4. ไม่มีโลกคู่ขนาน
การปรับเงินลงทุนเพื่อแก้ปัญหาโลกรวน
ภัยธรรมชาติรุนแรงกำลังคืบคลานเข้ามา แม้โลกจะประสบความสำเร็จในการจำกัดภาวะโลกร้อนไว้ที่ 1.5°C ถึง 2°C นับจากนี้ จะไม่มีโครงการแก้ปัญหาใดๆ ที่ไม่คิดเรื่องปัญหาโลกรวน ยิ่งกว่านั้น ทั้งในฐานะรัฐบาลและนานาชาติล้วนต้องออกหุ้นกู้เพื่อนำเงินมาใช้เรื่องนี้ รวมถึงทำให้เป็นวงกว้างได้ด้วยการออก Green Bond
กระแสหลักของ ESG
5. Greenwashing
กลายเป็นคำหลักของ ESG
ปี 2564 มีเงินไหลเข้ากองทุน ESG สูงมาก โครงการเด่นๆเกี่ยวกับ ESG ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จึงตามมาด้วยคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ เกิดคำที่สลับใช้ไปมาอยู่ 2 คำ คือ Greenwashing และ Social Responsibility ข่าวดี คือ เราได้เห็นคำศัพท์ใหม่ๆเพิ่มขึ้น และถูกใช้ในวงกว้าง ซึ่งควรทำให้เกิดความโปร่งใส ที่สำคัญกว่านั้นคือ การชี้ชัดว่าแต่ละคำหมายถึงอะไร
6. ทางสองแพร่งของกฎข้อบังคับ
รวมกัน หรือ แยกส่วน ?
ปี 2564 มีหน่วยงานกำกับดูแลอย่างน้อย 34 แห่ง และองค์กรผู้กำหนดมาตรฐานในการดำเนินการ 12 ประเทศ ที่กำลังหารือเกี่ยวกับ ESG อย่างเป็นทางการ ไม่น่าแปลกใจที่บริษัทต่างๆ และนักลงทุนกำลังหัวหมุน เราเห็นการรวมกันในบางพื้นที่หลัก แต่ก็มีสัญญาณของการแยกส่วนหรือแยกพิจารณาอยู่ด้วย โดยได้แรงกระตุ้นจากการลำดับความสำคัญในแต่ละภูมิภาคที่แตกต่างกัน
7. การจัดเรตติ้ง
ด้าน ESG ที่ถูกต้อง
ทศวรรษที่ผ่านมา มีนักลงทุนเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจและเคยใช้การจัดอันดับเกี่ยวกับ ESG ทุกวันนี้ บรรดานักลงทุน องค์กรธุรกิจ สื่อ และสาธารณชน ล้วนคาดหวังว่าจะช่วยตอบ
คำถามมากมาย ทั้งกฎระเบียบและกลไกตลาดสามารถกระตุ้นให้เกิดจรรยาบรรณในการสร้างการจัดเรตติ้ง ESG โดยให้คำตอบชัดเจนถึงสิ่งที่พวกเขาทำได้ และทำไม่ได้
ความเสี่ยงและโอกาสที่เพิ่มขึ้น
8. กาแฟกับเบอร์เกอร์
ความหลากหลายทางชีวภาพ
และอนาคตของอาหาร
วาระเกษตรกรรมยั่งยืนของงาน COP26 และเป้าหมายจากการประชุมช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2022 ที่คุนหมิงสะท้อนถึงความเป็นจริงที่เลวร้าย: ถ้าเราไม่เปลี่ยนเรื่องการผลิตอาหารและพฤติกรรมการกิน ภาวะโลกรวน และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพจะเปลี่ยนทั้ง 2 เรื่อง เพื่อทุกคนในภาพรวม ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด จะเกิดการพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหาร และการเกษตรแน่นอน
9. แบคทีเรียเพิ่มขึ้น
วิกฤตการณ์สุขภาพที่กำลังขยายตัว
แม้เราจะยังคงต่อสู้กับ COVID-19 วิกฤตสุขภาพโลกเรื่องต่อไปก็กำลังคุกคามอยู่แล้ว : ภายในปี 2050 มีประชากรโลก ปีละประมาณ 10 ล้านคน อาจเสียชีวิตจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เพื่อรับมือความท้าทายนี้ เราต้องลงทุนครั้งใหญ่เรื่องยาปฏิชีวนะ และการลดการใช้ยากำจัดศัตรูพืชลงอย่างมากในช่วงหลายปีข้างหน้า
10. ช่วงเปลี่ยนผ่าน
ค้นหาความต้องการ
และความเป็นไปได้ของการลงทุน
ขณะที่ผู้นำการให้สินเชื่อเริ่มสนับสนุนเงินทุนไปทั่วโลกเพื่อให้บรรลุเป้า Net-Zero หลายคนตระหนักดีว่าความพยายามที่จะยับยั้งความเสี่ยงด้านสภาพอากาศไม่น่าจะประสบความสำเร็จระดับระบบ หากเราทิ้งประชากร ชุมชนที่เปราะบางที่สุด และประเทศไว้เบื้องหลัง
ที่มา