18 มกราคม 2565…บ้านปูเดินหน้าธุรกิจตามหลัก ESG ด้วยความมุ่งมั่น บนทิศทางของโลกต่อการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่สะอาดและฉลาดขึ้นตาม “กลยุทธ์ Greener & Smarter” และแผนธุรกิจ 5 ปี สำหรับปี 2564 – 2568 พร้อมสร้างคุณค่าและความไว้วางใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียด้วยความรับผิดชอบต่อโลกและสังคม ด้วยพอร์ตพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์พลังงานได้รวดเร็วและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น มุ่งสร้าง EBITDA ที่มีสัดส่วนมาจากพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานมากกว่า 50% ภายในปี 2568 ในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ
ในยุคปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกของเรากำลังเผชิญวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งใหญ่ เพราะอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทำให้เห็นบางตัวอย่างในปี 2564 ประเทศแคนาดา น้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี เป็นกระแสน้ำเย็นจัด รถยนต์จมไปกับกระแสน้ำ ถนนขาด แถมหิมะตก อากาศสุดขั้ว!! นอกจากนี้ยังมีฝนตกหนัก และดินโคลนถล่มซ้ำกวาดบ้านเรือนประชาชนในจังหวัดนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่นหลายหลังไปตามเส้นทางน้ำ คล้าย ๆ กับประเทศตุรกีที่ประสบภัยน้ำท่วม เช่นเดียวกับประชาชนคนไทยที่ประสบปัญหาน้ำท่วมหนัก ต้องปิดถนนสายเอเชียในจังหวัดชุมพร
สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนเช่นนี้ ได้ส่งสัญญาณเตือนพลเมืองโลกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทชั้นนำของโลก หรือ Global Brand รวมถึงผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ (International Versatile Energy Provider) อย่าง บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นส่วนหนึ่งที่มีเป้าหมายมุ่งแก้วิกฤตเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของโลกไว้ให้คนรุ่นหลังต่อไป
สำหรับบ้านปูแล้ว การมีจุดยืนที่จะส่งมอบ “Smarter Energy for Sustainability : อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน” ให้กับพลเมืองโลกนั้น ขับเคลื่อนภายใต้ “กลยุทธ์ Greener & Smarter” และหลักความยั่งยืนหรือ ESG ที่บ้านปูยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด ซึ่งจะตอบสนองความต้องการด้านพลังงานแห่งอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เข้าถึงได้ และมีความชาญฉลาดด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สอดรับกับเทรนด์ 3Ds (Decarbonization, Decentralization และ Digitalization) ของโลก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย EBITDA ที่มีสัดส่วนมาจากพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานมากกว่า 50% ภายในปี 2568
จากนี้ไปเราจะเห็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของบ้านปู (Banpu Transformation) ไปสู่พอร์ตพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์พลังงานในอนาคต ที่ตอบสนองความต้องการด้านพลังงานสะอาดของพลเมืองโลกได้รวดเร็วและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น นับเป็นการ Kick off แผนธุรกิจฉบับใหม่ ระหว่างปี 2564 – 2568 ไม่ว่าจะเป็นการเร่งขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้น (Acceleration) ใน 4 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจเหมือง ธุรกิจผลิตไฟฟ้า และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและวงจรเศรษฐกิจโลกผ่านพอร์ตโซลูชันด้านพลังงานที่ครบวงจร โดยกระจายความเสี่ยง คว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ (Antifragile) และต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปูปัจจุบันและความเชี่ยวชาญในด้านพลังงาน เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในการสร้างกระแสเงินสด (Augmentation)
จัดเต็มพอร์ตพลังงานสะอาด
การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของบ้านปู ได้ความแข็งแกร่งของบุคลากรใน 10 ประเทศ ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านพลังงานเพื่อความยั่งยืน มาช่วยต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ต่าง ๆ พร้อมทั้งสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจใหม่ ๆ ส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัทฯ มีพอร์ตฟอลิโอพลังงานสะอาดในสัดส่วน 25.5% ของกำลังการผลิตพลังงานรวมของบ้านปู 4,423 เมกะวัตต์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการพลังงานสะอาดจากพลังงานแสงอาทิตย์และลมที่มีมากขึ้นในแต่ละอุตสาหกรรม และมีเป้าหมายในการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ โดยบ้านปูเองมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังผลิตพลังงานสะอาดให้ถึง 1,600 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตพลังงานรวม 6,100 เมกะวัตต์ ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า
พร้อมกันนี้ ในปี 2564 ที่ผ่านมาบ้านปูได้ลงทุนขยายโรงไฟฟ้าจากพลังงานที่สะอาดขึ้นต่าง ๆ ไว้ในหลายประเทศ เช่น โรงไฟฟ้านาโกโซ (Nakoso IGCC) และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เคเซนนุมะ (Kesennuma) ในประเทศญี่ปุ่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เบอริล (Beryl) และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มานิลดรา (Manildra) ในประเทศออสเตรเลีย โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฮาติ๋ญ (Ha Tinh) ในประเทศเวียดนาม
จัดเต็มเทคโนโลยีพลังงานใกล้ตัวผู้บริโภค
บ้านปูขยายธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานผ่าน บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด โดยมุ่งขยาย Ecosystem ของกลุ่มบ้านปู โดยการลงทุนในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน เช่น โครงการภูเก็ตสมาร์ทซิตี้เฟส 1 การลงทุนใน Evolt Technology เสริมสร้างการให้บริการแพลตฟอร์ม E-Mobility ที่ครบวงจรและครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งการบริการ Ride Sharing และ Mobility Sharing การบริหารจัดการยานพาหนะไฟฟ้าและสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Fleet & Charger Management) รวมถึงบริการหลังการขาย เพื่อให้องค์กรธุรกิจเข้าถึงการใช้ยานพาหนะไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น อีกทั้งประชาชนทั่วไปที่เป็นเจ้าของรถ EV หรือคนมีอาชีพ Rider เช่ายานยนต์ไฟฟ้าต่อวันเพื่อการทำงานยังสามารถใช้สถานีอัดประจุไฟฟ้าตามจุดต่าง ๆ ในสถานีบริการน้ำมัน อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ร้านอาหาร ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ รวมไปถึง บ้านปู เน็กซ์ ยังเข้าซื้อกิจการ บริษัท เอ็นจี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด (ESTH) เพื่อขยายบริการระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System หรือ EMS) และอีโคซิสเต็มโซลูชันพลังงานฉลาด (Smart Energy Solutions) เต็มรูปแบบอีกด้วย
เทคโนโลยีพลังงานของ บ้านปู เน็กซ์ พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงแพลตฟอร์มพลังงานใหม่ ๆ เพื่อเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการทุกอุตสาหกรรมมีการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนค่าพลังงานและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจลูกค้าอย่างยั่งยืน รวมถึงต่อยอดธุรกิจระบบทำความเย็นแบบรวมศูนย์ หรือ District Cooling System ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโต และขยายบริการต่าง ๆ ไปยังตลาดต่างประเทศด้วย
จัดเต็มธุรกิจที่ยึดมั่นหลัก ESG
บ้านปูเป็นบริษัทไทยไม่กี่บริษัทที่ประสบความสำเร็จกับการออกไปดำเนินงานในต่างประเทศ รวม 10 ประเทศ ดังนั้นไม่ว่าจะดำเนินธุรกิจในประเทศใดก็ตาม บ้านปูยังคงมุ่งดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการ ESG และได้จัดตั้งคณะกรรมการ ESG ขึ้นมาช่วงปลายปี 2564 เพื่อเป็นเรดาร์คอยจับทิศทางเป้าหมายต่าง ๆ ของโลกด้าน ESG ที่มีความสอดคล้องกับเป้าหมายรวมของโลกจาก COP26 และเป็นหางเสือช่วยกำกับทิศทางการดำเนินธุรกิจ เพื่อเป้าหมายการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter รวมถึง บ้านปู ยังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างการเติบโตด้วยการทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ 7 ข้อ โดยมุ่งให้ความสำคัญในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องพลังงานและก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินธุรกิจ รวมถึงประเด็นด้านการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ และการให้ความร่วมมือเพื่อพิชิตเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้บ้านปูได้รับการยอมรับเป็นหนึ่งในผู้นำด้านความยั่งยืนจากองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ โดยปี 2564 ปีเดียว บ้านปูสามารถคว้ารางวัลด้านความยั่งยืนถึง 7 รางวัล โดยล่าสุดได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการพลังงานอย่างยั่งยืนด้วยการปรับพอร์ตธุรกิจให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยกระบวนการ Digital Transformation และดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG เป็นสำคัญ
สิ่งที่เห็นชัดจากการดำเนินงานตามหลัก ESG ของบ้านปู คือ การดำเนินโครงการ “กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19” ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน โดยมีงบประมาณรวม 1,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่จำเป็นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยกตัวอย่างเช่น สร้างหอผู้ป่วยวิกฤตระบบการหายใจบ้านปู แก่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ สนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย สนับสนุนโครงการนำร่อง Telemedicine ให้แก่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร มอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนในชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีโครงการ ‘EV Car Sharing for Caring’ สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนามบุษราคัม โครงการ ‘มูฟมี อาสาขนส่ง ห่วงใยโดยกองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ’ นำบริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมี เพื่อรับผู้ที่หายป่วยจากโรงพยาบาล และขนส่งอาหาร ถุงยังชีพ ชุดยาและอุปกรณ์จำเป็น นำไปมอบให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นต้น ซึ่งโครงการเหล่านี้อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ บ้านปู เน็กซ์ โดยเป็นการนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพลังงานของบ้านปูมาสนับสนุนช่วยเหลือสังคม
บ้านปูยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ Greener & Smarter สอดรับกับเทรนด์พลังงานโลกและเป้าหมายรวมของโลกจาก COP26 มากยิ่งขึ้น พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรด้วยกระบวนการ Banpu Transformation เปลี่ยนผ่านองค์กรใน 10 ประเทศที่บ้านปูดำเนินธุรกิจ ไปสู่พอร์ตพลังงานที่สะอาดขึ้นและนำเทคโนโลยีพลังงานเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจพลังงานของบ้านปู (Banpu Ecosystem) เพื่อส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืนภายใต้จุดยืน “อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน” หรือ “Smarter Energy for Sustainability”