NEXT GEN

เพื่อให้แน่ใจว่าอนาคตธุรกิจของเรามั่นคง ต้องทำให้ทุกคนเข้าถึงความยั่งยืนได้

21 กุมภาพันธ์ 2565…ในฐานะผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค บริษัทจำนวนมากล้วนมีความสามารถเฉพาะ ที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในวงกว้าง และทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงการมีความรับผิดชอบร่วมกัน ช่วยทำสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยทางเลือกที่ง่ายและคุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป

ความท้าทายที่ปรากฏขึ้น รวมถึงคำตอบที่กำหนดไว้แล้ว ในท้ายที่สุดจะช่วยกำหนดทิศทางของโลก การทำสิ่งที่ถูกต้องหมายถึงการช่วยแก้ปัญหาบททดสอบที่ซับซ้อนที่ต้องเผชิญทั้งในด้านความรับผิดชอบขององค์กรและความยั่งยืน

การต่อสู้กับภาวะโลกร้อน และการดูแลสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ความท้าทาย “ทางวิทยาศาสตร์” ที่ต้องแก้ไขโดยรัฐบาลและองค์กรพัฒนาเอกชนอีกต่อไป แต่ความกังวลทางสังคมส่งผลกระทบต่อทุกคน เช่นเดียวกับปัญหาสังคมที่ซับซ้อนมากมายที่เผชิญกันอยู่ ขณะที่ความกังวลเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อทุกคน ทำให้จำนวนไม่น้อยอาจรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือทำเรื่องที่มีความหมายด้วยตัวคนเดียว

ความเคลื่อนไหวที่ว่านี้ทำให้องค์กรธุรกิจกลายเป็นผู้เล่นหลักในการต่อสู้ เมื่อธุรกิจตัดสินใจว่าจะทำเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม การตัดสินใจและผลลัพธ์จะถูกส่งต่อไปสู่ผู้บริโภค และกลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคสนใจ การวิจัยล่าสุดพบว่า 71 % ของผู้บริโภคต้องการให้บริษัทต่าง ๆ ช่วยให้ชีวิตประจำวันของพวกเขามีส่วนร่วมสนับสนุนกิจกรรมความยั่งยืนมากขึ้น กลายเป็นข้อความลูกค้าและผู้บริโภคพูดถึงทุกวัน ตลอดเวลา

ผลการวิจัยของ Kearney ระบุว่า อุตสาหกรรมแฟชั่น และการค้าปลีกจำนวนมากล้วนตอบรับความท้าทายนี้ ผู้มาใหม่บางคนสร้างแบรนด์โดยเน้นทำเรื่องความยั่งยืนอย่างจริงจัง ขณะที่บริษัทชั้นนำในอดีตล้วนยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่กล่าวว่าแฟชั่นที่ยั่งยืนมักมาพร้อมกับการตั้งราคาที่มีนัยสำคัญ รวมถึงได้รับมูลค่าเพิ่มมากกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป 150%- 210%

กระนั้น เรื่องนี้ก็ทำให้เกิดการรับรู้ที่ผิด ๆ ว่า ทางเลือกเกี่ยวกับความยั่งยืนต้องจ่ายแพง ๆ ในความเป็นจริง บริษัทหลายร้อยแห่ง ตั้งแต่ยูนิลีเวอร์ไปจนถึงอิเกีย กำลังสร้างสมดุลระหว่างความยั่งยืนกับต้นทุนและมูลค่า และมอบโอกาสให้ผู้ซื้อสินค้าเป็นประจำสร้างความแตกต่าง ยูนิลีเวอร์เป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่เปิดตัวกรอบความยั่งยืนครบวงจรในปี 2010 แม้พวกเขาจะพยายามสร้างเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก เมื่อคิดถึงสิ่งที่เราจ่ายออกไปเมื่อซื้อสบู่สักก้อนจากร้านขายของชำ

ที่ HanesBrands Inc. ความสมดุลนี้เป็นหัวใจหลักของบริษัท ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในบ้าน 9 จาก 10 หลังในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ต้องรับผิดชอบ และสร้างเอกลักษณ์ที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในวงกว้างมากที่สุด ตั้งแต่ผลกระทบต่อพนักงาน ชุมชน ไปจนถึงผลิตภัณฑ์และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันแรกที่ตั้งบริษัท ก็สามารถบรรลุความรับผิดชอบนี้ด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และความคุ้มค่าแก่ผู้บริโภค

วิธีหนึ่งที่ใช้สร้างสมดุลระหว่างคุณภาพกับต้นทุน คือ มีสัดส่วนความเป็นเจ้าของถึง 70% ในห่วงโซ่อุปทาน สิ่งนี้ทำให้เกิดความได้เปรียบอย่างสูงในการทำตามแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจเพื่อความยั่งยืน การที่บริษัทมีพนักงานกว่า 60,000 คนทั่วโลกทำให้สามารถสร้างผลกระทบโดยตรงกับโปรแกรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความช่วยเหลือด้านการศึกษา คลินิกสุขภาพและการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดจนชุมชนมากมายที่มีโอกาสสัมผัสผ่านการเป็นอาสาสมัคร บริจาคผลิตภัณฑ์ และพันธมิตรทางธุรกิจ

ขณะที่ห่วงโซ่อุปทานยังบริหารจัดการเป็นเพื่อให้สามารถควบคุมต้นทุนการทำเรื่องความยั่งยืนด้วย ตัวอย่างเช่น ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา การทำเรื่องลดก๊าซเรือนกระจก และการใช้พลังงานในโรงงานช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 265 ล้านดอลลาร์นอกจากนั้น เมื่อเร็วๆนี้ บริษัทยังมีการลงนามข้อตกลงซื้อขายไฟฟ้าสำหรับโรงงาน Dos Rios ในสาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานสิ่งทอที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะทำให้ทำการผลิตด้วยพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง

เมื่อพูดถึงบรรจุภัณฑ์ ก็มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงด้วยเช่นกัน แต่ก็เป็นเรื่องทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมองข้ามเรื่องแบรนด์ของตัวเอง จากนั้นร่วมมือกับผู้ค้าปลีก ผู้จัดจำหน่าย และบุคคลอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเพื่อลดน้ำหนักพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว และน้ำหนักบรรจุภัณฑ์ตลอดทั้งห่วงโซ่

แม้หลายแบรนด์เคยคว้าชัยชนะมาในเรื่องของตัวเอง แต่ก็ไม่มีอะไรจะทรงพลังเท่ากับการขับเคลื่อนที่เกิดจากความร่วมมือร่วมใจกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้บริโภค และทำสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าที่พวกเขาจ่ายออกไป ในข้อเท็จจริง หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการลดการปล่อยมลพิษใน Lifecycle ของเสื้อยืดนั้นง่ายมาก นั่นคือการซักในน้ำเย็น เป้าหมายระยะยาวประการหนึ่งของเราคือการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในทุกที่เพื่อทำเช่นนั้น

วิธีเดียวที่จะกอบกู้โลกและสร้างแนวทางใหม่สำหรับสังคม คือ กระตุ้นผู้คนใช้พลังของตัวเองทำสิ่งที่ถูกต้อง ในฐานะองค์กรธุรกิจต้องรับผิดชอบร่วมกันในการทำให้ผู้บริโภคทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยทางเลือกที่ง่าย คุ้มค่ากับสิ่งที่จ่ายไป ต้องร่วมกันทำให้ทุกคนเข้าถึงเรื่องความยั่งยืนได้

ที่มา

You Might Also Like