18 เมษายน 2565…ช่วงต้นเดือนมีนาคม Chief Executives for Corporate Purpose ได้เรียกประชุมซีอีโอ 17 คนและผู้นำทางกฎหมายคนสำคัญ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เสนอใหม่จากสำนักงาน ก.ล.ต.
หากนำมาใช้ การเปิดเผยที่ได้รับมอบอำนาจแล้วกำหนดให้บริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษแก่นักลงทุน และวิธีที่พวกเขาจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับภาวะโลกรวน และข้อบังคับเกี่ยวกับการแก้ปัญหาด้านสภาพอากาศในอนาคต
Kelly Grier ประธานและหุ้นส่วนผู้จัดการ ที่ EY กล่าวนำการประชุมว่า “บริษัทจำนวนมากพร้อมใจกันลุกขึ้นมาคุยเรื่องคำมั่นสัญญาที่ทำไว้กับเรื่อง ESG เนื่องจากพวกเขาตระหนักว่า ควรปลูกฝังเรื่องนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัท ซีอีโอเป็นผู้นำ ซึ่งจะต้องรับผิดชอบต่อการเปิดเผยข้อมูล รวมถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้”
“หากชุมชนธุรกิจก้าวขึ้นมาทำสิ่งสร้างสรรค์ ไม่ใช่แค่สนับสนุน แต่เสนอแนะการพัฒนาด้วย มันก็ช่วยได้มาก” Leo Strine จาก Wachtell, Lipton, Rosen & Katz กล่าว และเพิ่มเติมถึงตัวอย่างว่า สำนักงาน ก.ล.ต. จะหาแนวทางที่ดีที่สุด หรือข้อบังคับใหม่ได้อย่างไร
“ถ้าสำนักงาน ก.ล.ต. ตั้งเป้าไปที่ 35 % ของอุตสาหกรรมได้ถูกต้อง พวกเขาก็จะได้รับผลถึง 80 % ของเป้าที่ตั้งไว้ สำหรับบริษัทอื่นๆ การมีส่วนร่วมของพวกเขาในการแก้ปัญหาโลกรวน เป็นเพียงปัจจัยเพิ่มงานของพนักงานในออฟฟิศเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องทำอุตสาหกรรมหลักให้ดีเสียก่อน เน้นที่การให้ข้อมูลพื้นฐานช่วงปีแรก ๆ รวมถึงปล่อยให้การบังคับใช้กฎใหม่ขึ้นกับสำนักงาน ก.ล.ต. เท่านั้น”
ต่อไปนี้เป็น 4 ประเด็นสำคัญจากการประชุม
ชุมชนธุรกิจยอมรับแนวความคิดเกี่ยวกับความจำเป็นของ ESG อย่างชัดเจน และเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้เข้ากับกลยุทธ์และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
บริษัทต่าง ๆ ล้วนกำลังตั้งอกตั้งใจ เริ่มพูดคุยทั้งภายในและภายนอกเกี่ยวกับพันธกิจ ESG ของพวกเขา นี่ไม่ใช่สิ่งที่ CEO แค่สั่งก็ทำได้ ข้อมูลที่เปิดเผยเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรับรองที่ CEO ทุกคนจะต้องทำในการเสนอข้อมูลเพื่อนำบริษัทเข้าตลาด ซีอีโอจะรับผิดชอบทั้งการเปิดเผยข้อมูล และความคืบหน้าของข้อมูลดังกล่าว
ประเด็นสำคัญคือ การเปิดเผยเป้าหมาย วัดความคืบหน้าเทียบกับเป้าหมาย และความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย ภายใต้ขอบเขตการรายงานทั้งหมด (เช่น รายงานประจำปี งบการเงิน รายงาน ESG ฯลฯ) หากมีการโต้แย้งอย่างถึงพริกถึงขิง ควรเผยแพร่เนื้อหาทั้งหมดอย่างละเอียด
บางคนคิดว่ามันควรจะเป็นการเปิดเผยข้อมูลขั้นต่ำ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อย ให้ความเห็นว่า ความซับซ้อนของสิ่งที่เกี่ยวข้อง ทำลายความตั้งใจดั้งเดิมของการเปิดเผยตั้งแต่เริ่มต้น
ทุก ๆ ธุรกิจล้วนมีเป้าหมายต้องการอยู่แถวหน้าของการยอมรับ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาหลักการ ESG ให้ก้าวหน้า การวางกฎเกณฑ์อาจมีผลที่ตามมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หากไม่มีพื้นฐานมาจากความเข้าใจในการปฏิบัติจริงของสิ่งที่กำลังพูดถึง การนำปัญหามาทำให้กระจ่างในกระบวนการแสดงความคิดเห็นเป็นสิ่งสำคัญ
ความสนใจที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ ESG เป็นสาเหตุหนึ่งที่ CECP (Chief Executives for Corporate Purpose) ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อส่งเสริม CEO แต่ละคนทำงานของพวกเขา มุ่งเน้นให้สอดคล้องกับความคาดหวังของนักลงทุนในระยะยาว รวมถึงการทำให้ ESG เข้าไปอยู่ในกลยุทธ์หลักขององค์กร และการเปิดเผยข้อมูล
บริษัทที่มองการณ์ไกลจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ สร้างความตระหนักรู้ และส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการบูรณาการและวัดผล ESG ให้เกิดขึ้นทั่วทั้งองค์กร
ที่มา
