11 พฤษภาคม 2565…สิทธิประโยชน์ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่นยอดนิยม ได้แก่ MG ZS EV และ MG EP เช่น การผ่อนเริ่มต้นเพียงวันละ 227 บาทต่อวัน การสมัครโดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน และโปรโมชันสุดคุ้มขับฟรี 90 วัน
สำหรับพันธกิจ GrabForGood หรือ แกร็บ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า เป้าหมายระยะยาวในประเทศไทย ตั้งเป้าให้มีพาร์ทเนอร์คนขับที่ใช้รถ EV ให้ได้ 10% ภายในปี 2569 วรฉัตรขยายความต่อเนื่อง
“จากการสำรวจข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ปัจจุบันมีพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บให้ความสนใจที่จะหันมาใช้รถ EV เป็นจำนวนมากถึง 73.5%* ทั้งนี้ โปรแกรมสินเชื่อดังกล่าวถูกออกแบบมาสำหรับกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับที่ยังไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง เนื่องจากอาจไม่สามารถเข้าถึงบริการทางเงินในระบบ หรือมีข้อจำกัดต่างๆ เช่น ขาดผู้ค้ำประกันหรือขาดเงินก้อนในการดาวน์ โดยเราได้ทลายข้อจำกัดเหล่านั้นด้วยรูปแบบการผ่อนจ่ายแบบรายวันเริ่มต้นเพียง 227 บาท และอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้สามารถเป็นเจ้าของรถ EV ได้ไม่ยากและนำมาใช้เป็นเครื่องมือทำกินหรือสร้างรายได้ผ่านบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันของแกร็บจึงเป็นการผนึกกำลังในครั้งนี้”
ธีรชาติ เผยว่า สำหรับธนาคารกสิกรไทย จากที่ได้เปิดตัวโครงการ GO GREEN Together โดยเป็นธนาคารแรกที่เชื่อมโยงและผลักดันให้เกิด Green Ecosystem อย่างครบวงจรและเกิด Green Lifestyle ขึ้นจริงในประเทศไทย
“ลีสซิ่งกสิกรไทยจึงสอดรับนโยบายด้วยแคมเปญสินเชื่อ Green Zero พร้อมขยายความร่วมมือกับแกร็บ และเอ็มจี ประเทศไทย ในการจัดทำโปรแกรม สินเชื่อรถ EV สำหรับพาร์ทเนอร์คนขับ สมัครสินเชื่อรถใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รับสิทธิ์ขับฟรี 90 วันและไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้รถ EV อย่างแพร่หลาย”
จาง ไห่โป กล่าวถึงความพร้อมของเอ็มจี นอกจากบทบาทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เอ็มจี ยังเป็นผู้สร้าง “ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า” หรือ EV Ecosystem ที่ครบวงจรและครอบคลุมในทุกมิติที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
“เราลงทุนในด้านเครือข่ายสถานีชาร์จ MG Super Charge ที่ปัจจุบันมีมากถึง 120 แห่งทั่วประเทศ และมีเป้าหมายในการเพิ่มสถานี MG Super Charge อย่างน้อย 1 แห่ง ในทุกๆ 150 กิโลเมตร ทำให้คนไทยมีความมั่นใจ และพร้อมที่จะเข้าสู่สังคม EV อย่างเต็มรูปแบบ”
จากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และมาตรการของทางภาครัฐที่ได้ออกมาสนับสนุนด้านราคา คาดการณ์ว่าในปี 2565 จะมียอดขายรถ EV อยู่ที่ประมาณ 10,000 คัน มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท อีกทั้งความร่วมมือเช่นนี้จะเกิดมากขึ้น ไม่เพียงเป็นตามเป้าหมาย SDGs17 เรื่อง Partnership หากเป็นโอกาสให้ทุกฝ่ายช่วยกันลดภาวะโลกร้อนด้วยผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีอยู่