27 กรกฎาคม 2565…โอกาสและความท้าทายที่สำคัญที่จะลดผลกระทบเชิงลบที่มีต่อโลกและประชาคมโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ ด้วยการผนวกมิติด้าน ESG เข้ากับการดำเนินธุรกิจในกลยทุธ์ นโยบาย และเป้าหมายทางธุรกิจ การใช้ ESG เป็นเครื่องมือในการแข่งขันทางธุรกิจ การฟื้นฟูธุรกิจภายหลังโควิด-19 พัฒนาการด้านกฎระเบียบต่าง ๆ สร้างพอร์ตสินเชื่อที่สมดุล การผสานความแข็งแกร่งกับ MUFG
พูนสิทธิ์ ว่องธวัชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสู่ความยั่งยืน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาคสังคมได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของกรุงศรีในการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบเพื่อบรรลุพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) มาอย่างต่อเนื่อง
“กรุงศรีเป็น 1 ใน 2 ธนาคารในการเป็นผู้นำภาคการเงินที่โฟกัสการรักษาสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศ ผ่านโครงการ Krungsri Zero Waste ซึ่งได้รับการบรรจุเป็นแผนพัฒนาเข้าด้วยกันกับกระบวนการดำเนินธุรกิจของธนาคารอย่างไร้รอยต่อ เพราะ ESG ในกระบวนการธุรกิจคือทางรอดไม่ใช่ทางเลือก”
ธนาคารสร้างพื้นฐานในการนำ ESG มาเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจในโอกาสและความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงเป็นเรื่องธุรกิจต้องห้าม ไม่รับพิจารณา หรือพึงระวัง อย่างไรก็ตามในกรณีของกัญชาเสรี นับเป็นเรื่องใหม่ของประเทศไทยที่จะศึกษารวมถึงมีข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ส่วนโอกาสจะอยู่ในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง ธุรกิจอาหาร พลังงานสีเขียว
“ปัจจุบันสินเชื่อที่เกียวข้อง ESG โดยตรงเช่น Green Bond,Social Bond,Sustainability Bond,Sustainability-Linked Loan แม้ว่าธนาคารจะมีส่วนสัดส่วนเพียง 2% แต่มีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญจาก พอร์ตสินเชื่อธนาคารทั้งหมดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่ด้วยสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกที่อยู่ในกรอบ ESG ธุรกิจต้องเปลี่ยนเพื่อเป็นทางรอด ดังนั้นกรุงศรีตั้งเป้าสินเชื่อ ESG จะโตถึง10-15% หรือ 50,000-100,000 ล้านบาทไม่ยากนักในปี 2573”
สอดคล้องกับสถานการณ์โลก ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนในปี 2564 มีมูลค่า 929,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเติบโต 10 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในขณะมูลค่าสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนในปี 2564 มีมูลค่า 716,561 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเติบโต 7 เท่าจากปี 2561
มิติ ESG ของกรุงศรีครบถ้วน สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องการจัดการด้านสภาพภูมิอากาศ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้านสังคม เปิดผลิตภัณฑ์-บริการทางการเงินให้คนทุกระดับได้เข้าถึง นั่นหมายถึงการให้สินเชื่อและการลงทุนอย่างรับผิดชอบ ด้านธรรมาภิบาล มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการบริหารความเสี่ยง
ในปี 2561 กรุงศรีได้เริ่มโครงการ Krungsri Zero Waste เพื่อลดปริมาณขยะสู่บ่อฝังกลบและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประสบความสำเร็จในการชดเชยคาร์บอน (Carbon Offsetting) ในสำนักงานใหญ่ และได้รับรางวัล Best Environmental Responsibility จาก Corporate Governance Asia ในปี 2562 ความสำเร็จของกรุงศรีในปี 2563 รวมถึงความสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวน 8.64 ล้านkgCO2e และความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อความยั่งยืนของภาคธนาคารรวมถึงการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ ESG
“ในปี 2564 กรุงศรีได้ปักหมุดสำคัญของธนาคารพาณิชย์ที่มีจุดยืนเพื่อความยั่งยืน ด้วยประกาศวิสัยทัศน์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Krungsri Carbon Neutrality Vision พร้อมแผนงานในการเร่งลดคาร์บอนที่ชัดเจนและปฏิบัติได้จริง สอดคล้องกับเป้าหมายและแผนการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย Nationally Determined Contributions: NDCs ด้วยแผนลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการดำเนินงานของธนาคารภายในปี 2573 และการสนับสนุนลูกค้าให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่การลงทุนและดำเนินธุรกิจแบบคาร์บอนต่ำ รวมทั้งลดการปล่อยคาร์บอนจากการให้บริการทางการเงินทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในปี 2593”
พูนสิทธิ์ กล่าวต่อเนื่องในปี 2565 ปฏิบัติการ Krungsri’s Race to Net Zero จึงได้ถือกำเนิดบนวิสัยทัศน์ดังกล่าวและได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการด้านความยั่งยืน คณะผู้บริหาร ตลอดจนความร่วมมือจากพนักงานกรุงศรี กรุ๊ป ทุกระดับ ในการผลักดันให้บรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของกรุงศรี ด้วยการปรับเปลี่ยนองค์กรไปสู่ดิจิทัลให้มากขึ้น ใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่าพร้อมๆ กับการใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เรายังต่อยอดปฏิบัติการ Krungsri’s Race to Net Zero ด้วยการตั้งเป้าหมายลดขยะ RDF (Refuse-Derived Fuel) ให้เหลือศูนย์ภายในสิ้นปีนี้ และจะขยายแนวคิดนี้สู่วงกว้างด้วยการผนึกกำลังกับพันธมิตรองค์กรต่างๆ ในการรณรงค์ลดขยะ RDF ในปี 2566 โดยจะเริ่มจากองค์กรระดับประเทศที่ตั้งอยู่บนถนนเพลินจิต
ขยะเชื้อเพลิง RDF (Refuse-Derived Fuel) เป็นประเภทขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิล แต่สามารถนำไปเป็นเชื้อเพลิงและเผาไหม้จนหมดโดยไม่มีการนำไปสู่บ่อฝังกลบ (Zero Waste to Landfills) การสร้างจิตสำนึกและรณรงค์ให้ รู้จัก รู้ลด รู้แยก ขยะ RDF จึงเป็นต้นทางของการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบเชิงลบจากขยะอย่างเป็นรูปธรรมและได้ผลที่สุดในระยะยาว
ทั้งนี้ กรุงศรีเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) ของไทย และเป็นสมาชิกตั้งต้นของ Carbon Markets Club และสมาชิกสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (RE100) กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก ที่มีวิสัยทัศน์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality Declaration) เช่นกัน