NEXT GEN

เอสซีจีเร่ง ESG 5 กลยุทธ์ ฝ่ามรสุมวิกฤติซ้อนวิกฤติ เงินเฟ้อ-ราคาพลังงานพุ่ง-โลกรวน

28 กรกฎาคม 2565… 5 กลยุทธ์ คือ 1.) รัดเข็มขัด ลดต้นทุน เร่งเพิ่มเชื้อเพลิงชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ 2.) ผลักดันนวัตกรรม สินค้าและบริการใหม่ๆ ต่อเนื่อง 3.) เพิ่มสภาพคล่องการเงิน 4.) คุมเข้มการลงทุนตามกลยุทธ์อย่างรอบคอบ เผย LSP คืบหน้าร้อยละ 96 ลงทุนธุรกิจรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์รายใหญ่เนเธอร์แลนด์ 5.) เร่ง ESG 4 Plus ดันนวัตกรรมรักษ์โลก เดินหน้าฝึกอาชีพ ลดเหลื่อมล้ำ สร้างรายได้มั่นคง

รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์ทั่วโลกยังมีความผันผวน เป็นภาวะวิกฤติซ้อนวิกฤติ ทั้งเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ย ต้นทุนพลังงาน-วัตถุดิบเพิ่มสูง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก (Climate Change) แต่เอสซีจีได้เร่งปรับตัวอย่างต่อเนื่อง

“สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนสูง เอสซีจีได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และเร่งดำเนินการภายใต้ 5 กลยุทธ์ คือลดต้นทุน เพิ่มพลังงานทางเลือก พัฒนานวัตกรรม สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ ต่อเนื่อง เพิ่มสภาพคล่องการเงิน คุมเข้มการลงทุนตามกลยุทธ์อย่างรอบคอบ เดินหน้า ESG ด้วยแนวทาง ESG 4 Plus”

รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ จันทนิดา สาริกะภูติ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน เอสซีจี เผยกลยุทธ์ ฝ่ามรสุมวิกฤติซ้อนวิกฤติ

1.) ลดต้นทุน เพิ่มพลังงานทางเลือก ด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ลดของเสียจากการดำเนินงาน และเร่งเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก อาทิ เชื้อเพลิงชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือกร้อยละ 16.4

2.) พัฒนานวัตกรรม สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ ต่อเนื่อง ตลอดจนหาตลาดใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่าง เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน นวัตกรรมเคมีภัณฑ์ อาทิ “พลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงชนิดไร้กลิ่น” (High Quality Odorless PCR) สำหรับบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกของสินค้าที่ต้องการเน้นกลิ่นหอมโดยเฉพาะ “สารเคลือบชั้นฟิล์มป้องกันการซึมผ่านของอากาศ” (Barrier Coating Technology) ช่วยทดแทนการใช้วัสดุที่หลากหลายของบรรจุภัณฑ์ ให้เหลือเพียงพลาสติกประเภทเดียวกันทั้งชิ้นงาน (Mono-Material) จึงรีไซเคิลได้ง่าย

พัฒนานวัตกรรม สินค้าและบริการ

 

นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ดี เช่น “SCG HVAC Air Scrubber” ระบบบำบัดอากาศเสีย พร้อมลดภาระการทำความเย็นของระบบปรับอากาศ สำหรับอาคารขนาดใหญ่ ประหยัดค่าไฟได้ร้อยละ 20-30 “กระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย ก๊อกน้ำและสุขภัณฑ์ไร้สัมผัส และสุขภัณฑ์เคลือบสาร Ultraclean+” จาก COTTO Health& Clean ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย นวัตกรรมการก่อสร้าง ภายใต้แบรนด์ “CPAC Green Solution” มุ่งใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับโซลูชันการก่อสร้างใหม่ๆ อาทิ Farm Solution บริการออกแบบและก่อสร้างฟาร์มครบวงจร เสร็จไว ได้มาตรฐานตามหลักความปลอดภัยทางชีวภาพ (Bio Security) และ Gas Station Solution บริการออกแบบและก่อสร้างสถานีบริการน้ำมันแบบครบวงจร นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ อาทิ “เฟสท์ ชิลล์” บรรจุภัณฑ์อาหารทำจากกระดาษ เคลือบฟิล์มลอกออกได้ สะดวกต่อการรีไซเคิลและย่อยสลายได้ ดีไซน์แข็งแรงเหมาะกับการเดลิเวอรี

3.) เพิ่มสภาพคล่องการเงิน ด้วยการบริหารเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) ให้อยู่ในระดับเหมาะสม บริหารปริมาณสินค้าคงคลังให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ติดตามการให้สินเชื่อการค้าอย่างใกล้ชิด รวมถึงเสริมสภาพคล่องโดยการดำเนินการออกหุ้นกู้ ในรูปแบบ หุ้นกู้ดิจิทัล ของ SCGP ในวันที่ 1 สิงหาคม 2565

4.) คุมเข้มการลงทุนตามกลยุทธ์อย่างรอบคอบ ทบทวนการลงทุน ชะลอโครงการใหม่ที่ไม่เร่งด่วน หรือใช้ระยะเวลายาวนานกว่าจะได้ผลตอบแทน มุ่งโครงการที่ได้ผลตอบแทนเร็ว และสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจ อาทิ โครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ที่เวียดนาม มีความคืบหน้าตามแผนร้อยละ 96 พร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ในครึ่งปีแรกของปี 2566 ล่าสุด SCGP ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ (Packaging Materials Recycling Business) ใน Peute Recycling B.V. ผู้ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ และลงทุนใน Imprint Energy Inc. สหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับแบตเตอรี่ที่ผลิตด้วยการพิมพ์ (Printed battery) มีศักยภาพในการเติบโต สามารถนำความรู้ความเชี่ยวชาญมาขยายสู่ภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้ในสำหรับบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะได้ด้วย

โครงการ Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ที่เวียดนาม และ ผลจากมุ่งลดความเหลื่อมล้ำให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ

 

5.) เดินหน้า ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ ภายใต้ความเชื่อมั่น โปร่งใส) โดยในครึ่งปีแรกของปี 2565 มียอดขายนวัตกรรมรักษ์โลก ภายใต้ฉลาก SCG Green Choice เท่ากับ 153,240 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50 ของยอดขายรวม และจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 ในปีต่อไป

“SCG Green Choice เรายังคงทำ R&D แม้จะเป็นเพียงร้อยละ 1 ของยอดขายทั้งหมดเรายังลงทุนต่อ เพราะส่วนหนึ่งลูกค้ามีความต้องกรมากขึ้น ดังนั้นสัดส่วนการเติบโตของ SCG Green Choice และสินค้าบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม HVA หรือ High Value Added Products & Services จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพราะ HVAเราปรับมาตรฐานทุกปี เนื่องจากนวัตกรรมเปลี่ยนไปและพัฒนาทุกปี ครึ่งปีแรกของปี 2565 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย HVA 104,332 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 ของรายได้จากการขายรวม”

จันทนิดา สาริกะภูติ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน เอสซีจี กล่าวถึงผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2565 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 305,028 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรในครึ่งแรกของปี 2565 เท่ากับ 18,781 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากต้นทุนวัตถุดิบของธุรกิจเคมิคอลส์ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง

นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทย ในครึ่งปีแรกของปี 2565 ทั้งสิ้น 135,822 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 มีมูลค่า 903,137 ล้านบาท โดยร้อยละ 45 เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน (นอกเหนือจากประเทศไทย)

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2565 ในอัตรา 6.0 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 7,200 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 กำหนดผู้ที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผล (XD) ในวันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม 2565

 

You Might Also Like

No Comments

Leave a Reply