NEXT GEN

กสิกรไทย ESG Strategy 2566 ยุทธศาสตร์เคลื่อนธุรกิจธนาคารบนหลักการ ESG

12-13 พฤศจิกายน 2565…ตั้งเป้าเป็นธนาคารชั้นนำด้าน ESG ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเป้าอัดฉีดเงินทุนเพื่อความยั่งยืน 2 แสนล้านบาท ปล่อยสินเชื่อช่วยลูกค้ารายเล็กเข้าถึงทางการเงินได้ 1.9 ล้านราย ปี2568 พร้อมจับมือลูกค้า เข้าสู่กระบวนการประเมินความเสี่ยง ESG ครบ 100% แล้ว และเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพราะเรื่องนี้ทำคนเดียวไม่ได้

กฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึวงการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจธนาคารอีกครั้งหนึ่งจากการดำเนินธุรกิจทั่วโลกได้เปลี่ยนแปลงมุ่งสู่วิถีแห่งความยั่งยืนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยทุกปัจจัยไม่ว่าจะเป็น

-พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยที่ผู้บริโภคนำประเด็นความยั่งยืนมาประกอบการตัดสินใจ
-นักลงทุนใช้เกณฑ์ ESG ประกอบการพิจารณาลงทุนมากขึ้น
-หน่วยงานกำกับดูแลทั้งในและต่างประเทศออกมาตรการด้าน ESG ที่ภาคธุรกิจต้องปฏิบัติตามอย่างต่อเนื่อง

“ESG ไม่ใช่เทรนด์ ไม่ใช่แฟชั่น เพราะโจทย์ยังอยู่ หากธุรกิจปรับตัวไม่ทันจะทําให้ต้นทุนในอนาคตสูงขึ้น ต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาสินค้าและบริการสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน แต่หากปรับตัวได้ทันก็จะสามารถคว้าโอกาสไว้ได้ และมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน”

ดังนั้น ด้วยแบรนด์ดิ้งกสิกรไทย ธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainability) เห็นความสำคัญจำเป็นเร่งด่วนและโอกาสต่อเศรษฐกิจไทย ประกาศ KBank ESG Strategy 2566 วางยุทธศาสตร์เรื่องการขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักการ ESG โดยกำหนดกลยุทธ์การทำงานที่เป็นระบบ เน้นการวัดผล และพัฒนาการดำเนินงานตามหลักการและมาตรฐานสากล พร้อมมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้าน ESG ของกลุ่มธนาคารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำพาลูกค้าและธุรกิจไทยเดินหน้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน โดยมีแผนงานและเป้าหมายในมิติต่าง ๆ ดังนี้

มิติสิ่งแวดล้อม

หลังจากกปรับดำเนินงานของธนาคาร (Scope 1 และ 2) ทยอยเปลี่ยนรถยนต์เป็น EV ติดตั้ง Solar Roof บนอาคารสำนักงาน และสาขาที่ธนาคารเป็นเจ้าของพื้นที่ และในพอร์ตโฟลิโอของธนาคาร (ขอบเขตที่ 3) โดยในปี 2565 มีการดำเนินงาน แล้วสาขาที่ธนาคารเป็นเจ้าของพื้นที่ โดยในครึ่งปีแรกของปี 2565 สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 13.52% (เทียบปีฐาน 2563)

พร้อม อัดฉีดสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนไปแล้วกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าไปสู่ 2 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 สิ่งที่ทำไปแล้วเช่นโครงการ Solar Plus กับบริษัทอสังริมทรัพย์บางแห่ง ติดตั้งโซลาร์รูฟให้ประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ติดตั้ง Solar Looptop ของลูกค้าด้วยโปรฯดีทั้งฟรี และดอกเบี้ยต่ำ พัฒนาบริการ Beyond Financial Solutions ผสานเทคโนโลยี กระตุ้นให้ใช้ EV Car, EV Bike รวมถึงการสวอปแบตเตอร์รี่ ในสเตชั่นที่สะดวกสำหรับไรเดอร์ เป็นต้น

ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และกลุ่มเหมืองถ่านหิน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 27% ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในพอร์ตโฟลิโอของธนาคาร (Portfolio Emission) และเตรียมขยายการทำงานร่วมกับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญอื่น ๆ ตามลำดับ เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ตามเป้าหมายของประเทศไทย

มิติสังคม

ธนาคารกำหนดยุทธศาสตร์สร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินและการให้ความรู้ทางการเงินและไซเบอร์ (Financial Inclusion and Financial/Cyber Literacy) ด้วย ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้า ปกป้องทรัพย์สินของลูกค้า มีการปรับปรุงกระบวนการพิจารณาการให้สินเชื่อ โดยใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณาจากความเสี่ยง การประเมินความสามารถในการชำระเงิน การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งความรวดเร็วในการติดตามการชำระคืนหนี้และการฟื้นฟู การทำงานด้วยการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร และประสานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งมอบบริการสินเชื่อควบคู่การให้ความรู้ ด้วยการออกแคมเปญสื่อสารที่จะสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ เข้าถึงลูกค้าได้ 10 ล้านราย ในปี 2566

สร้างการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial inclusion) แก่ลูกค้ารายเล็ก (Small-pocket Customers) ได้แก่ ลูกค้าบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งอาจไม่มีบัญชีเงินเดือน ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่มีเอกสารยืนยันรายได้ โดยธนาคารจะพิจารณาอนุมัติจากข้อมูลอื่น ๆ ประกอบ รวมถึงลูกค้าธุรกิจที่มีรายได้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาทต่อปี โดยในปี 2565 (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน) ธนาคารให้สินเชื่อลูกค้ารายเล็กเป็นจำนวนกว่า 500,000 ราย มูลค่าสินเชื่อกว่า 23,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายปี 2568 จะให้ลูกค้ารายเล็กจำนวน 1,900,000 ราย เข้าถึงสินเชื่อได้

มิติธรรมาภิบาล

ธนาคารให้ความสำคัญเรื่องเกณฑ์การพิจารณาตามหลัก ESG เพื่อดูแลให้สินเชื่อที่ปล่อยไปจะไม่สร้างผลกระทบเชิงลบแก่เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดให้ทุกสินเชื่อโครงการและเครดิตเชิงพาณิชย์ของลูกค้าผู้ประกอบการขนาดกลางขึ้นไป ต้องเข้าสู่กระบวนการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ทั้ง 100% โดยในปี 2565 (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน) มีสินเชื่อที่ผ่านกระบวนนี้ กว่า 340,000 ล้านบาท

“ตลอดระยะเวลาที่ธนาคารทำงานโดยนำหลักการ ESG เข้าไปอยู่ในทุกกระบวนการ พบว่ามีความท้าทายสำคัญในประเด็นการจัดการที่ต้องพิจารณาจากมิติที่หลากหลาย ยิ่งมีเป้าหมายสู่ธนาคารชั้นนำด้าน ESG ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อหัวใจของการขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน คือ ต้องรักษาสมดุลการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง และต้องมีแผนสำรองอยู่เสมอ เพื่อพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง”

กฤษณ์ กล่าวในท้ายที่สุดว่า ธนาคารเป็นต้นน้ำของระบบเศรษฐกิจ จึงถือเป็นภารกิจที่จะต้องทำเรื่องนี้ต่อไปให้มากขึ้น ด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้น และขอชวนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะความยั่งยืนเป็นงานที่ไม่สิ้นสุดและทำคนเดียวไม่ได้ โดยธนาคารพร้อมจะเป็นผู้สร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้น ผ่านการประสานศักยภาพทั้งด้านเทคโนโลยี พันธมิตร และความร่วมมือกับภาคส่วนสำคัญต่าง ๆ ใน Ecosystem เพื่อช่วยให้ลูกค้า สังคม และประเทศ เดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

You Might Also Like