NEXT GEN

ซีเค พาวเวอร์ เคลื่อนองค์กรเปลี่ยนแปลงทุกมิติ มุ่งเป้า NET ZERO EMISSION 2050

22 พฤศจิกายน 2565…. บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดและมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กรที่ต่ำที่สุดในอาเซียน เดินหน้ามุ่งสู่ CKP NET ZERO EMISSION 2050 ขับเคลื่อนทุกขั้นตอนการทำงาน สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2050 โชว์ผลงานสำคัญผ่านการรับรองให้เป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (Climate Action Leading Organization) ตลอดจนโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ในเครือ ผ่านเกณฑ์สำคัญ Carbon Footprint Product และ CKPower ยังได้เข้าร่วมเป็น TCFD Supporter เพื่อมีส่วนสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตามแนวทางการใช้พลังงานสะอาด การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนในระดับชาติและระดับโลก

ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (COP 26) รวมถึงแผนนโยบายของประเทศไทยที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) CKPower ในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ต่ำที่สุดรายหนึ่งของภูมิภาค พร้อมเดินตามเป้าหมายการเติบโตในด้านการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและวางรากฐานด้านความมั่นคงทางพลังงาน ตลอดจนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่สามารถหวังผลในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)

“ปัจจุบัน CKPower ได้มีการขับเคลื่อนแผนการดำเนินงาน CKP NET ZERO EMISSION 2050 ด้วยการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทางการสร้างความยั่งยืนและสมดุลให้กับโลก เริ่มต้นจากการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Risk Management ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกกระบวนการผลิต และให้ความสำคัญในทุกโรงไฟฟ้าที่บริษัทเข้าไปลงทุน โดยเลือกใช้เทคโนโลยีระดับสูงเพื่อให้เกิดเสถียรภาพของระบบการจ่ายไฟฟ้าให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมและการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพให้กับบุคลากรทุกระดับ ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาระบบการปฏิบัติงานเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยต่อยอดระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เตรียมความพร้อมนำกลไกการกำหนดราคาคาร์บอนสร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก หรือGreen Finance ให้กับองค์กร”

ธนวัฒน์ กล่าวต่อเนื่องถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ขององค์กร CK Power ในอีกหลายเรื่อง เพื่อมุ่งเป้า NET ZERO EMISSION 2050

– CKPower ได้ผ่านการรับรองให้เป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (Climate Action Leading Organization) จากคณะกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย ในการประชุมคณะกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย จัดโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา

-CKPower มีบริษัทในเครือคือ “โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น” ผ่านเกณฑ์สำคัญคือ Carbon Footprint Product (เครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ที่ทำการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การใช้งาน และการกำจัดซากผลิตภัณฑ์หลังการใช้งาน โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มุ่งเน้นการจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และจำหน่ายไฟฟ้าส่วนที่เหลือและไอน้ำ ให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม

-CKPower กระตุ้นการมีส่วนร่วมของพนักงานทั้งในไทยและ สปป.ลาว ผ่านชุดยูนิฟอร์มใหม่ ‘CKPower Cool Mode’ ด้วยผ้า “Cool Mode” (ผ้าอนุรักษ์โลก) ที่มีนวัตกรรมโดดเด่น ด้วยคุณสมบัติพิเศษในการซับเหงื่อและระบายความร้อนได้ดี ให้ความเย็นสบายในขณะที่สวมใส่อยู่ในห้องอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด รีดง่าย ช่วยลดการใช้กระแสไฟฟ้าจากเครื่องใช้ไฟฟ้า และยังมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยดีไซน์ที่ออกแบบให้ดูทันสมัย

ชุดยูนิฟอร์ม CKPower Cool Mode นี้ได้รับเกียรติบัตรรับรองการเป็นองค์กรลดโลกร้อน จากองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทออีกด้วย นับว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นในการตอกย้ำภารกิจสำคัญที่มุ่งสู่ CKP NET ZERO EMISSION ผ่านการร่วมแรงร่วมใจของผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ

-CKPower บรรลุความสำเร็จตามแผนงานที่วางไว้ใน การเข้าร่วมเป็น Task Force on Climate-Related Financial Disclosures (TCFD) Supporter หรือเป็นผู้สนับสนุนมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศในหมวด Electric Utilities เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจและความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยร่วมแก้ไขปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เป็นวาระเร่งด่วนในระดับชาติและระดับโลก เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสอดคล้องไปกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่เป้าหมายสำคัญของการลดคาร์บอนอย่างแท้จริง

“CKPower ให้ความสำคัญในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ลูกค้าที่มุ่งสู่เทรนด์พลังงานสะอาด รักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตลอดจนมีความมุ่งมั่นในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการหยุดยั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมการดำเนินงานทุกขั้นตอน และร่วมยกระดับมาตรฐานทางด้านพลังงานหมุนเวียนของประเทศ สู่การเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน”

ธนวัฒน์กล่าวในท้ายที่สุด ปัจจุบัน CKPower มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอยู่ประมาณ 89% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด และตั้งเป้าว่าภายในเวลา 5 ปี จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 95% ตลอดจนหันมาใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในองค์กรอย่างเต็มกำลัง อาทิ การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) การเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าภายในอาคาร ที่อยู่อาศัย และโรงไฟฟ้าในเครือเป็นหลอด LED ประหยัดพลังงาน รวมถึงลดปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

You Might Also Like