29 พฤศจิกายน 2565…ทุกวันนี้ “ความยั่งยืน” (Sustainability) เป็นคำที่ผ่านตาให้เห็นวันละหลายครั้งจากสื่อที่อยู่รายล้อมพวกเราทุกคน เพราะการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันไม่เพียงแต่จะต้องทำเพื่อให้องค์กรอยู่รอดและมีกำไร หากแต่ยังจะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะธุรกิจไม่อาจประสบความสำเร็จต่อไปได้หากสังคมและสิ่งแวดล้อมพังทลาย ดังนั้น ประเด็นเรื่องความยั่งยืนจึงไม่ใช่ ‘ทางเลือก’ แต่เป็น ‘ทางรอด’ ของทุกองค์กร
ด้านยักษ์ใหญ่แห่งวงการพลังงานและปิโตรเคมีครบวงจรอย่าง ปตท. ล่าสุดได้ประสานความร่วมมือกับผู้นำวงการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีก กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ที่มีศูนย์การค้าระดับ World class Top of mind อย่างสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ อยู่ภายใต้การบริหาร ซึ่งทั้ง 2 องค์กรต่างเห็นพ้องกันในแนวคิดการดำเนินธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน จนเกิดเป็น MOU ส่งเสริมการพัฒนาด้านความยั่งยืนในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของการผสานพลังศักยภาพของสององค์กรชั้นนำระดับประเทศสู่เป้าหมายเพื่อความยั่งยืน
ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน
สู่เป้าหมาย Net Zero
แนวคิดเรื่องความยั่งยืนที่จะเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง 2 องค์กร ตอกย้ำวิสัยทัศน์และเป้าหมายการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืน ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจในประเทศไทยดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ 1) การจัดการพลังงานหมุนเวียนนำไปสู่เป้าหมาย Net Zero ผ่านความร่วมมือกับ บริษัท รีแอค จำกัด (ReAcc) ซึ่งเป็นบริษัทใน กลุ่ม ปตท. 2) การบริหารจัดการขยะและของเสีย และ 3) โครงการการพัฒนาที่ยั่งยืนต่าง ๆ ในอนาคต
โครงการนำร่องแรกภายใต้กิจกรรมการจัดการพลังงานหมุนเวียนนำไปสู่เป้าหมาย Net Zero ดำเนินการโดยใช้สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ศูนย์การค้าในกลุ่มสยามพิวรรธน์ เป็นต้นแบบการดำเนินธุรกิจที่ใช้แนวคิดความยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% ผ่านการซื้อใบรับรองสิทธิการผลิตพลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy Certificates (RECs) จาก ReAcc ซึ่งเป็นตัวแทนให้บริการซื้อขายด้านพลังงานสะอาดและความเป็นกลางทางก๊าซเรือนกระจก (Carbon Neutrality) ให้แก่บริษัทที่ต้องการจัดหาพลังงานหมุนเวียน สามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานไฟฟ้าดังกล่าวได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ ปตท. และสยามพิวรรธน์ ยังวางแผนการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายความร่วมมือไปสู่การพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานหรือ Smart Building การติดตั้งสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) และการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์
ด้านการบริหารจัดการขยะและของเสีย (Waste management) ทั้งสององค์กรยังมองหาความร่วมมือต่อยอดจากโครงการที่สยามพิวรรธน์ได้ดำเนินอยู่ในฐานะที่เป็นต้นแบบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งเสริมหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมุ่งสู่ “องค์กรขยะเป็นศูนย์” เป็นรายแรกของไทย ได้ดำเนินโครงการจัดการขยะแบบ 360 องศา ยังมีการต่อยอดความร่วมมือกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. ผ่าน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยการนำพลาสติกใช้แล้วหลากหลายประเภท เช่น ขวดน้ำดื่ม กล่องหรือวัสดุพลาสติก แก้วพลาสติก ฝาขวด แผ่นซีดี และช้อนส้อมพลาสติก มาสร้างสรรค์ประกอบเป็นต้นคริสต์มาสรักษ์โลก จัดแสดงในช่วงเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ ระหว่างวันที่ 24 พ.ย. 65 – 8 ม.ค. 66 ณ ลานดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมทั้งมองหาและร่วมพัฒนาโครงการที่จะต่อยอดจากการบริหารจัดการขยะภายใน ONESIAM สร้างคุณค่าสู่มูลค่าอย่างเป็นรูปธรรมเพิ่มขึ้นในอนาคตโดย ใช้พื้นที่ ECOTOPIA ภายในสยามดิสคัฟเวอรี่เป็นจุดเพิ่มโอกาสและทางเลือก เชื่อมโยงผู้ประกอบการรุ่นใหม่กับผู้บริโภค อันจะเป็นการสร้างมิติแห่งความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่ และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความร่วมมือกับสยามพิวรรธน์ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของปตท. ในการส่งเสริมภาคธุรกิจไทยให้หันมาใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น และนำไปสู่การใช้พลังงานที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) เพิ่มศักยภาพการพัฒนานวัตกรรมพลังงานยั่งยืนของประเทศสู่เวทีโลกในอนาคต สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรด้านพลังงานที่มุ่งสนับสนุนแนวทางการผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง”
“สยามพิวรรธน์สร้างความยั่งยืนผ่านทุกกระบวนการและในทุกธุรกิจที่ดำเนินการ (Sustainable Value In Process) เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันในทุกภาคส่วน ทั้งกับผู้คน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ การผนึกความความแข็งแกร่งของสยามพิวรรธน์ ในฐานะผู้พัฒนาศูนย์การค้าที่เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คนด้วยความคิดสร้างสรรค์ และได้ใช้สยามดิสคัฟเวอรี่ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ดำเนินธุรกิจแบบร่วมสร้าง (Co-creation) บุกเบิกแนวคิดที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม โดยจับมือกับ ReAcc ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท. ผู้ให้บริการซื้อขายพลังงานสะอาด จะทำให้เราสามารถพัฒนาต้นแบบของธุรกิจด้วยแนวคิดความยั่งยืน ร่วมฟื้นฟูและส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้กับคนรุ่นหลัง และเข้าไปอยู่ใกล้ชีวิตประจำวันของผู้คนได้ง่ายขึ้น” มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวเสริม
ดร. บุรณิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากเป็นการแสดงเจตนารมย์ของทั้งสององค์กรในการมุ่งมั่นใช้พลังงานสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) ที่ก่อให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อน อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดในประเทศไทย ให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ RECs ได้อีกด้วย
สยามพิวรรธน์
กับนโยบายด้านความยั่งยืน
สยามพิวรรธน์มีแนวทางทำธุรกิจไปสู่ความยั่งยืนภายใต้นโยบาย “Co-creating Shared Value for Sustainability” ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ โดยมีกรอบ ESG (Environment Social Governance) และมุ่งเน้นให้ความสำคัญใน 3 มิติ คือ ผู้คน ชุมชนสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะมิติด้านสิ่งแวดล้อม มีการใช้พื้นที่ในทุกโครงการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้ พร้อมสนับสนุนให้คนใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ให้สมดุลและร่วมกันดูแลรักษาธรรมชาติให้คงอยู่ได้อย่างยั่งยืน
อาทิ การให้ความสำคัญต่อภาวะโลกร้อน CFO (Carbon Footprint Offset) ดำเนินการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรอย่างต่อเนื่อง โครงการติดตั้งระบบประตูอัตโนมัติเพื่อลดภาระการทำงานของระบบทำความเย็น โครงการปรับเปลี่ยนระบบปรับอากาศ (chiller) ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงขึ้น
สยามพิวรรธน์ได้ดำเนินโครงการยกระดับการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อาทิ “Siam Piwat 360° Waste Journey to Zero Waste” ที่คำนึงถึงการบริหารจัดการขยะแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยได้ผนึกกำลังร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรต่าง ๆ เปิด Recycle Collection Center จุดรับขยะแบบไดร์ฟทรู (Drive-Thru) แห่งแรกของประเทศไทย ณ สยามพารากอน รวมถึงการเพิ่มมูลค่าด้วยการร่วมมือกับ 12 สุดยอดครีเอเตอร์และผู้ประกอบการรายย่อย พัฒนาผลิตภัณฑ์รักษ์โลกภายใต้แบรนด์ “อีโค่โทเปีย (ECOTOPIA)” ซึ่งเป็นร้านต้นแบบที่จำหน่ายสินค้ารักษ์โลก กว่า 300 แบรนด์
อีกทั้งการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด โดยไอคอนสยาม ได้นำเอานวัตกรรมโซลาร์รูฟท็อปมาติดตั้งเพื่อนำพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดมาทดแทนการใช้ไฟฟ้า ขณะที่ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต แบงค์คอก กำลังอยู่ระหว่างพัฒนาและติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนพื้นที่หลังคาแนวราบขนาดกว่า 20,000 ตารางเมตร เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายองค์กรในการลดการปลดปล่อยคาร์บอนและร่วมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ให้กับโลกของเรา
#SIAMPIWAT #SUSTAINABILITY