11 พฤศจิกายน 2566…ฟาสต์ รีเทลลิ่ง บริษัทแม่ของยูนิโคล่ เผยว่า ฟาสต์ รีเทลลิ่ง กำลังปรับเปลี่ยนธุรกิจของบริษัทเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความยั่งยืนกับการเติบโตของธุรกิจ และส่งเสริมสังคมที่ยั่งยืนขึ้นผ่านโมเดลธุรกิจแบบครบวงจร เพื่อไปถึงเป้าหมายด้านความยั่งยืนของปีงบประมาณ 2573 โดยเน้นสร้างความร่วมมืออันแข็งแกร่งในระยะยาวกับผู้ผลิตเสื้อผ้าและวัตถุดิบต่างๆ ตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้นของระบบซัพพลายเชน
LifeWear = a New Industry คือแนวคิดที่ ฟาสต์ รีเทลลิ่ง มองว่า สามารถบริหารระบบซัพพลายเชนทั้งหมดได้ดีขึ้น ควบคุมขั้นตอนการผลิตทั้งหมดได้โดยตรงตั้งแต่ คุณภาพ การจัดซื้อ การผลิต สิ่งแวดล้อม และสิทธิพื้นฐานของแรงงาน หลังจากเห็นภาพรวมของระบบซัพพลายเชนตั้งแต่สินค้าที่เสร็จสมบูรณ์ไปจนถึงขั้นตอนของวัถตุดิบ ทางบริษัทเริ่มรวมธุรกิจระหว่างพาร์ทเนอร์ที่ได้รับเลือกจำนวนหนึ่ง รวมถึงแผนการในอนาคตเรื่องการสรรหาวัตถุดิบจากฟาร์มหรือไร่ปศุสัตว์
รวมถึงการยกระดับแนวคิด RE.UNIQLO เพื่อส่งเสริมการนำเสื้อผ้ายูนิโคล่มารีไซเคิลและนำกลับมาใช้อีกครั้ง จากการเปิดตัวเสื้อดาวน์ขนเป็ดรีไซเคิลในปี 2563 ทางบริษัทยังคงเดินหน้าเพื่อการพัฒนาสินค้ารีไซเคิลอื่นๆ จากเสื้อผ้าที่ทำด้วยผ้าแคชเมียร์ ผ้าวูล และผ้าฝ้าย
โคจิ ยาไน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด กล่าวว่า “เรามีความรับผิดชอบต่อสินค้าทุกชิ้นจาก LifeWear ที่เราผลิตเพื่อลูกค้า เราไม่นิ่งนอนใจ ด้วยขั้นตอนการพัฒนาสินค้า การผลิต และขั้นตอนหลังการขาย เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าของเรานั้นใช้งานได้ยาวนานและตอบโจทย์ หนึ่งในตัวอย่างเพื่อให้ LifeWear ยั่งยืนขึ้น เราได้เปิดตัวโปรเจกต์นำร่องร้านค้าเสื้อผ้ามือสองเมื่อเร็วๆ นี้ ด้วยความร่วมมือกับลูกค้า ของเรา ชุมชนท้องถิ่น และพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ พวกเรายังคงเดินหน้าเพื่อยกระดับความเป็นไปได้ของ LifeWear สร้างธุรกิจที่ส่งเสริมชีวิตของผู้คนและสังคมทั่วโลก”
สำหรับความคืบหน้าของเป้าหมายด้านความยั่งยืนของปีงบประมาณ 2573 ของฟาสต์ รีเทลลิ่ง ประกอบไปด้วยแนวคิดหลักในการพัฒนาสินค้า จะมีการใช้วัสดุรีไซเคิล เพิ่มขึ้น 8.5% สำหรับสินค้าที่ได้วางแผนไว้ในปี 2566 สินค้าที่ใช้เส้นใยโพลีเอสเตอร์ มีการเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลคิดเป็น 30 % ของสินค้าทั้งหมดในกลุ่มนี้ โดยเป้าหมายของปีงบประมาณ 2573 อยู่ที่ 50%
ในปี 2566 นี้ สินค้าฮีทเทค (HEATTECH) และแอริซึ่ม (AIRism) ผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลและไนลอนเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ เสื้อตัวนอก PUFFTECH ทำด้วยเส้นใยโพลีเอสเตอร์ รีไซเคิล รวมทั้งเสื้อยืดกราฟิก UT บางรุ่นยังทำมาจากเส้นใยฝ้ายรีไซเคิล
แนวคิดหลักเพื่อ LifeWear ที่ยั่งยืน
ยูนิโคล่เปิดตัวแนวคิด RE.UNIQLO เพื่อส่งเสริมการนำเสื้อผ้ายูนิโคล่มารีไซเคิลและนำกลับมาใช้อีกครั้ง นอกจากนี้ยังมี โปรเจกต์เสื้อผ้ายูนิโคล่มือสอง โปรเจกต์นำร่องที่เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดนี้ โดยในระยะแรก ร้านป็อปอัพสโตร์ซึ่งวางจำหน่ายสินค้ามือสองได้เปิดให้บริการในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ร้านยูนิโคล่ สาขาฮาราจูกุ ในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ 11- 22 ตุลาคม 2566 ที่ลอนดอนมีการเปิดตัว RE.UNIQLO STUDIO ในเดือนกันยายนปี 2565 ให้บริการด้านการซ่อมแซมและปรับโฉมเสื้อผ้า และได้ขยายสาขาไปทั่วโลก จนถึงเดือนกันยายน 2566 มี RE.UNIQLO STUDIO อยู่ในร้านสาขา 35 แห่ง ใน 16 ประเทศ
แนวคิดหลักเรื่องการผลิต
ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จัดทำระบบการบริหารครบวงจรสำหรับซัพพลายเชนของบริษัท เพื่อให้สามารถควบคุมขั้นตอนการผลิตทั้งหมดได้โดยตรง ตั้งแต่คุณภาพ การจัดซื้อ การผลิต สิ่งแวดล้อม และสิทธิพื้นฐานของแรงงาน ระบบนี้รวมถึงการระบุวัตถุดิบและเนื้อผ้าที่ใช้ในกระบวนการตัดเย็บไปจนถึงกระบวนการจัดหาวัตถุดิบต่างๆ โดย สินค้าฤดูร้อน/ฤดูใบไม้ร่วง 2566 ของยูนิโคล่ทุกชิ้นสามารถบอกแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ผลิตได้ และในเดือนสิงหาคม 2566 ทางบริษัทฯ สามารถระบุซัพพลายเออร์ตามขั้นตอนการผลิตเส้นใย ซึ่งผลิตจากแหล่งที่เชื่อถือได้และมีความร่วมมือในระยะยาวเพื่อผลิตสินค้าผ้าฝ้ายของยูนิโคล่ ในอนาคต ฟาสต์ รีเทลลิ่ง วางแผนที่จะขยายแนวคิดเดียวกันนี้ไปยังซัพพลายเออร์สำหรับวัสดุอื่นๆ
ในอนาคต ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์การผลิตเพื่อระบุฟาร์ม ไร่ปศุสัตว์ และโรงงานต่างๆ สำหรับขั้นตอนการจัดหาวัตถุดิบหลัก เช่น เส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล มีการกำหนดผู้ผลิตและมาตรฐานคุณภาพของเกล็ดและเม็ดพลาสติก เพื่อควบคุมคุณภาพ ความโปร่งใส และความปลอดภัยของแหล่งผลิตให้อยู่ในระดับสูงสุด
นอกจากนี้ยังสรุป Production Partner Code of Conduct กับผู้ผลิตเส้นใยสำหรับสินค้าผ้าฝ้ายของยูนิโคล่ในฤดูใบไม้ผลิปี 2566 การตรวจสอบทั่วไปสำหรับผู้ผลิตเส้นใยรายหลักดำเนินการจนถึงเดือนสิงหาคม 2566 โดยเริ่มใช้มาตรการเดียวกันนี้กับผู้ผลิตเส้นโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล และซึ่งอยู่ในระยะเริ่มต้น โดยปี 2566 ยูนิโคล่และ GU เริ่มเผยข้อมูลประเทศผู้ผลิตของแต่ละสินค้าผ่านเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ ในบางประเทศ และมีแผนที่จะขยายความคิดริเริ่มนี้ไปยังตลาดอื่นๆ อีกด้วย
แนวคิดหลักเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและความคืบหน้าของเป้าหมายของปีงบประมาณ 2573 ที่ร้านสาขาและสำนักงาน
ฟาสต์ รีเทลลิ่ง ตั้งเป้าหมายในการลดระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHC) จากการใช้พลังงานในร้านสาขาและสำนักงานให้ได้ 90% ภายในปีงบประมาณ 2573 เมื่อเทียบกับระดับตั้งไว้ในปีงบประมาณ 2562 จนถึงปี 2565 สามารถลดระดับลงได้ถึง 45.7% รวมถึงเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100% สำหรับร้านสาขาในกลุ่มฟาสต์ รีเทลลิ่ง และสำนักงานทั่วโลกภายในปีงบประมาณ 2573 สำหรับปีงบประมาณ 2565 ได้ดำเนินการแล้ว 42.4 %
ด้านซัพพลายเชนมีการตั้งเป้าหมายในการลดระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHC) ให้สอดคล้องกับการผลิตวัตถุดิบ การผลิตเนื้อผ้า และการตัดเย็บสินค้าของยูนิโคล่ และ GU ให้ได้ 20% ภายในปีงบประมาณ 2573 นี้ เมื่อเทียบกับเป้าหมายของปีงบประมาณ 2562 ซึ่งในปี 2565 ทีผ่านมา ลดระดับการปล่อยก๊าซได้ 6.2% โดย ฟาสต์ รีเทลลิ่งจะเดินหน้าร่วมมือกับโรงงานพาร์ทเนอร์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
ฟาสต์ รีเทลลิ่ง เริ่มให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเผยแพร่นโยบายการอนุรักษ์ความหลากหลายทางธรรมชาติของกลุ่มฟาสต์ รีเทลลิ่ง (Fast Retailing Group Biodiversity Conservation Policy) เพื่อบรรลุเป้าหมายเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพเชิงบวกซึ่งเชื่อมโยงกับห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท (Value Chain) ในระยะยาว
ในปีงบประมาณ 2566 ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จะใช้งบประมาณกว่า 5.4 พันล้านเยนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม รวมถึงจัดหาเสื้อผ้าจำนวน 1.13 ล้านชิ้น โดยมีจำนวนผู้ที่ได้รับประโยชน์จากกิจกรรมนี้ถึง 1.82 ล้านคน พร้อมกันนี้มูลนิธิฟาสต์ รีเทลลิ่ง ยังได้จับมือกับ Philanthropy Asia Alliance ในเดือนกันยายนปี 2566 โดยมูลนิธิวางแผนจะสนับสนุนเงินจำนวน 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในระยะเวลามากกว่า 10 ปี เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ การศึกษา และสาธารณสุขในทวีปเอเชีย นอกจากนี้ ฟาสต์ รีเทลลิ่งยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนผู้บริหารหญิงให้ถึง 50% ภายในปีงบประมาณ 2573 โดยในปลายเดือนสิงหาคม ปี 2565 มีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 43.7% ด้วย