28 ธันวาคม 2566…เทคโนโลยี กระบวนการบันทึก และสื่อที่ใช้ในการนําโฆษณามาสู่ผู้ชมล้วนสำคัญ หากมีการคํานวณ Carbon Footprint ของการผลิตโฆษณา
ตั้งแต่เวลาที่ทุกคนเริ่มวันใหม่ พักผ่อนหย่อนใจ เข้านอน โฆษณามีอยู่ทุกที่ มีอย่างต่อเนื่องในชีวิตประจําวัน ยามที่ทุกคนตื่นขึ้นมา ดูสิ่งที่เกิดขึ้นบนมือถือ โฆษณามีทุกที่ไม่ว่าจะตอนเปิดวิทยุ ดูโทรทัศน์ แม้กระทั่งตอนหลับ หรือการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์ ก็มีโฆษณาไม่หยุด
มีข้อมูลระบุว่า ทุกๆวัน ผู้คนจะเจอข้อความจากแบรนด์ 6,000 ถึง 10,000 ข้อความทุกวัน ผ่านอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์เคลื่อนที่ จากการ connect อยู่เสมอ ทำให้ตัวเลขเหล่านี้นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น
ชิ้นงานโฆษณาเป็นสิ่งสําคัญสําหรับบริษัทผู้สร้างโฆษณา เพราะเป็นหนึ่งในไม่กี่วิธีที่จะพูดคุยกับผู้บริโภคโดยตรง ทั้งที่ผ่านสื่อดั้งเดิมไปจนถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งผู้บริโภคก็รู้สึกว่ามันมาก หรือน่ารําคาญเกินไป
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของผู้บริโภคไม่ใช่ปัญหาเดียวของการคํานวณผลกระทบของโฆษณา เพราะมีประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องพิจารณาเช่นกัน โฆษณาทุกชิ้นมี Carbon Footprint ของตัวเอง และข้อความโฆษณาที่เพิ่มขึ้นหมายความว่ามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ อุตสาหกรรมโฆษณาเริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้น นอกจากนั้นการศึกษาเรื่องโฆษณาก่อให้เกิดมลพิษเมื่อใด และอย่างไร เริ่มมีตามมา
-ผลจากการศึกษาระบุว่า โฆษณา 1 แคมเปญ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 70 ตัน
-เทียบเท่าผู้คน 7 คน หายใจเข้าออกและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศใน 1 ปี
ตัวเลขข้างต้นไม่ได้มองโลกในแง่ดี 55% ของบริษัทที่ปรึกษา ระบุว่า ระบบนิเวศดิจิทัล มีสัดส่วนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 3.5% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในโลก นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่า การเพิ่มขึ้นต่อปีสูงกว่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซค์ของภาคการบินพลเรือนแล้ว
Purpose Disruptors และ Magic Numbers กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำงานในภาคธุรกิจและภาคสังคม มุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับสังคม ด้วยการทำงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของตนเอง ศึกษาการปล่อยมลพิษที่โฆษณาผลิตขึ้นแต่ละปี เน้นไปที่สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดอังกฤษ ผลระบุว่า โฆษณาส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม และกำลังเพิ่มในอัตราสูงมาก
ระหว่างปี 2019 ถึง 2022 การปล่อยมลพิษของอุตสาหกรรมโฆษณาเพิ่มขึ้น 11% นอกจากนั้น 32% ของ carbon footprint ตอนนี้มาจากโฆษณาที่ผู้บริโภคเห็นหรือรับชมอยู่ ในภาพรวม ข้อมูลระบุว่า วงการโฆษณาปล่อยมลพิษเทียบเท่ากับการปล่อยมลพิษจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน 56 แห่งในหนึ่งปี นี่เป็นตัวเลขผลการศึกษาเฉพาะในอังกฤษ แต่ถ้าเป็นทั่วโลก จำนวนโรงไฟฟ้าถ่านหินก็จะเพิ่มขึ้นอีกมาก
คำถามสำคัญอีกข้อ อยู่ที่ว่า Carbon Footprint ของวงการโฆษณามาจากไหน ?
Carbon Footprint เกิดจากปัจจัยหลายประการ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้านหนึ่งมาจากผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาโฆษณา เนื่องจากการโฆษณาส่งเสริมการบริโภค และการซื้อสิ่งที่มีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมสูง
New Weather Institute think tank และ Greenpeace ได้คํานวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เชื่อมโยงกับยอดขายรถยนต์รวมถึงเที่ยวบินทั่วโลก เทียบเท่าการปล่อยมลพิษที่สเปนปล่อยออกมาถึง 2 เท่าในแต่ละปี
Silvia Pastorelli นักเคลื่อนไหวกรีนพีซ กล่าวในการนําเสนอผลการศึกษาว่า หากพิจารณาเฉพาะโฆษณารถยนต์ และการท่องเที่ยวทางอากาศในสหภาพยุโรป การปล่อยมลพิษเทียบเท่ากับการปล่อยมลพิษของเบลเยียมทั้งปี
“อุตสาหกรรมรถยนต์และสายการบินก่อให้เกิดมลพิษจำนวนมาก เพราะพวกเขาต้องการเร่งยอดขาย จึงใช้เงินหลายพันล้านไปกับโฆษณา แต่จริงๆแล้วยังเร่งวิกฤตสภาพภูมิอากาศด้วย”
หลังการเปิดเผยข้อมูลข้างต้น ความคืบหน้าล่าสุด คือ องค์กรพัฒนาเอกชนเรียกร้องให้สหภาพยุโรปห้ามโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่มี Carbon Footprint สูง
Ebiquity PLC และ Scope3 PBC เปิดเผยข้อมูลโดยระบุว่า 15% ของโฆษณาออนไลน์ทั่วโลก เกิดขึ้นกับหน้าเว็บที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงโฆษณา เว็บไซต์เหล่านี้ไม่เพียงให้คุณค่ากับแบรนด์ที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญเท่านั้น แต่ยังมีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมสูงอีกด้วย
ประมาณการปี 2018 ระบุว่า โฆษณามีสัดส่วน 10% ของค่าใช้จ่ายด้านพลังงานทั้งหมดที่สร้างขึ้นโดยอินเทอร์เน็ต รวมถึงระบุ 3 ขั้นตอน ที่ทำให้โฆษณาออนไลน์เกิดการปล่อยมลพิษ คือ
1.กระบวนการสร้างสรรค์ รวมถึงการเดินทาง การถ่ายทํา และหลังการถ่ายทํา
2. การออกอากาศผ่านสื่อ ด้วยการรับชม หรือเครื่องมือที่สนับสนุนกระบวนการเหล่านั้น
3. การกําหนดเป้าหมายด้วยเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งช่วยกําหนดว่าโฆษณาแต่ละรายการจะแสดงต่อกลุ่มเป้าหมายใด เมื่อไหร่
Ebiquity PLC และ Scope3 PBC เพิ่มเติมว่า โดยพื้นฐาน ผู้เกี่ยวข้องสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาวิดีโอหรือแคมเปญแสดงผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi และไม่ผ่านอินเทอร์เน็ตบนมือถือ โดยจะลดการปล่อยมลพิษที่เกิดจากโฆษณาได้ 50-70%
สำหรับวิธีลดมลพิษ ตัวอย่างล่าสุด คือ GroupM ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาผู้นำด้านการซื้อสื่อสําหรับแบรนด์ใหญ่ ๆ เปิดตัวแนวร่วมพันธมิตร เพื่อลดคาร์บอนในอุตสาหกรรม พร้อมแนะนําให้เปลี่ยนวิธีโฆษณา ลดจำนวนโฆษณาที่เผยแพร่ให้น้อยลง เน้นให้มีคุณภาพสูงขึ้น
ที่มา เรื่องและภาพ