20-22 มกราคม 2567…ความจำเป็นในการจัดการกับภาวะโลกเดือดและความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมกำลังเร่งด่วนกว่าที่เคย เมื่อกฎระเบียบใหม่มีผลบังคับใช้ ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องพิจารณาว่าพวกเขานำเงินลงทุนไปใช้ที่ใด และวิธีที่พวกเขาสื่อสารถึงความพยายามของตน
ธุรกิจต่างๆ ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมการดำเนินงานที่ยากลำบากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การระบาดใหญ่ของ Covid-19 ครั้งแรก จากนั้นจึงเกิดสงครามในยูเครน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และค่าจ้างที่สูง ซึ่งหมายความว่าธุรกิจจำนวนมากเผชิญการตัดสินใจที่ยากลำบาก เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร
นั่นหมายถึงหลายบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงความยั่งยืนเป็นปัจจัยสนับสนุน ปี 2023 ภาวะโลกเดือดไม่ได้หยุดลง ปี 2024 เรื่องความยั่งยืนธุรกิจต่างๆ ต้องคิดระยะยาว ขณะเดียวกันก็เผชิญแรงกดดันระยะสั้น นั่นจำเป็นต้องมีแผน Net Zero แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ยังขยายขอบเขตนอกเหนือจากคาร์บอน ท่ามกลางกฎระเบียบ ESG ใหม่ที่เน้นไปที่การรายงานและความโปร่งใส
Levent Ergin หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืน ESG ระดับโลกของ Informatica กล่าวว่า เรากำลังเข้าใกล้จุดเปลี่ยนด้วย ESG แทนที่จะให้บริษัทต่างๆ ดำเนินการอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าโดยเข้าถึงข้อมูล ESG จากกล่องดำ กฎระเบียบใหม่ให้การนำเสนอข้อมูล ESG ชัดเจน และความน่าเชื่อถือมากขึ้น เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจ และการจัดสรรเงินทุนอย่างมีความรับผิดชอบ
กฎระเบียบหลายข้อเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การทำให้ข้อมูล และความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนโปร่งใสและเป็นมาตรฐานมากขึ้น ตัวอย่างเช่น คำสั่งการรายงานความยั่งยืนขององค์กรมีเป้าหมายเพื่อสร้างมาตรฐานการรายงานที่ไม่ใช่ทางการเงิน บังคับใช้กับบริษัทขนาดใหญ่ และ SMEs ที่จดทะเบียนทั้งหมดที่ดำเนินธุรกิจในสหภาพยุโรป โดยกำหนดให้ต้องเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเป็นประจำ โดยมีจุดมุ่งหมายในการช่วยให้นักลงทุน ผู้กำหนดนโยบาย และผู้บริโภคประเมินผลการดำเนินงานของตน
ในทำนองเดียวกัน คำสั่งการตรวจสอบสถานะความยั่งยืนขององค์กรของสหภาพยุโรป (EU Corporate Sustainability Due Diligence Directive) กำหนดให้บริษัทที่ดำเนินงานในกลุ่มต้องรายงาน และบรรเทาผลกระทบจากการดำเนินงาน (รวมถึงในห่วงโซ่อุปทาน) ที่มีต่อสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
ในสหราชอาณาจักร กฎให้รายงานการใช้ไฟฟ้า และคาร์บอน รายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้พลังงาน
Dana Haiden ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนของ Virgin Media O2 กล่าวว่า ธุรกิจกำลังเตรียมการสำหรับข้อกำหนดการรายงานและความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้นนี้ และจะเข้มข้นขึ้นในปี 2024
“การนำกฎระเบียบใหม่เหล่านี้ใช้ในวงกว้างมาก จนส่งผลกระทบเกือบทุกคนไม่ทางใดทางหนึ่ง ”
กฎระเบียบใหม่ทั้งหมดนี้ หมายความว่าบริษัทต่างๆ จะต้องจัดเตรียมชุดข้อมูล KPI และตัวชี้วัดใหม่เกี่ยวกับความยั่งยืน นอกจากนี้ยังมอบความรับผิดชอบให้ธุรกิจทำความเข้าใจข้อมูล ESG และรับรองการกำกับดูแลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพด้านนี้ ผู้ไม่ทำเรื่องนี้ มีต่อชื่อเสียงขององค์กร อาจไม่สามารถขอสินเชื่อที่ยั่งยืน หรือแม้กระทั่งถูกปรับ
“การปรับตัวให้เข้ากับมาตรฐานใหม่เหล่านี้จะเป็นความท้าทายสำหรับองค์กรที่ยังไม่มีแนวทางอันชาญฉลาดในการจัดการข้อมูล ESG และการกำกับดูแล บริษัทเหล่านี้จะพบว่ากระบวนการนี้ซับซ้อนมากและต้องใช้ทรัพยากรมาก” Ergin กล่าว
“แต่ผู้ที่มีแนวทางกำกับดูแลข้อมูล ESG แข็งแกร่งย่อมได้เปรียบ”
สิ่งที่ทั้งรัฐบาลและภาคธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญส่วนใหญ่จนถึงขณะนี้อยู่ที่การปล่อยและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน อย่างไรก็ตาม มีการตระหนักรู้เพิ่มมากขึ้นว่าแม้การเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็เป็นเพียงแง่มุมหนึ่งของการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และความพยายามนั้นจำเป็นต้องมีในวงกว้างมากขึ้น หากเราต้องการหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดของภาวะโลกเดือด
“มุมมองของความยั่งยืนนั้นกว้างขึ้นจากมุมมองด้านสิ่งแวดล้อม และเพิ่มมุมมองทางสังคมด้วย” Haidan กล่าว
การประชุม COP 28 ในเดือนธันวาคมให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีศักยภาพการกักเก็บความร้อนในชั้นบรรยากาศมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 28 เท่ามากขึ้น การเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลช่วยได้ แต่การลดวัสดุที่จะนำไปฝังกลบ โดยทั้งบริษัทและผู้บริโภคก็เป็นเช่นกัน
ประเด็นที่สนใจเพิ่มขึ้น ยังมีเรื่องบทบาทของธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) บริษัทใหญ่ที่สุดในยุโรปเพียงประมาณ 1 ใน 3 เท่านั้นที่ตั้งเป้าหมายที่มุ่งแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า และปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ตามรายงานของ S&P Global แต่การปล่อยให้ธรรมชาติเสื่อมโทรมลงอีกก่อให้เกิดความเสี่ยงทางธุรกิจที่สำคัญ และหมายความว่าบริษัทต่างๆ จะจัดการกับประเด็นนี้มากขึ้นในปี 2024 และต่อๆ ไป
World Economic Forum ประมาณการว่าในปี 2019 มากกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าทางเศรษฐกิจของโลกที่ 44 ล้านล้านดอลลาร์ (35 ล้านล้านปอนด์) ขึ้นอยู่กับทรัพยากรธรรมชาติในระดับปานกลางหรือสูง ระบบนิเวศที่ดีมีบทบาทสำคัญในการดูดซับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้อุณหภูมิโลกลดลง และบรรเทาผลกระทบต่างๆ เช่น พายุและน้ำท่วม
“เทรนด์สำคัญประการหนึ่งคือการเชื่อมโยงกับธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ จนถึงจุดนี้ จุดสนใจที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่คาร์บอน การติดตาม การจัดการ และการลด และความหลากหลายทางชีวภาพและธรรมชาติไม่ได้เป็นจุดสนใจหลัก ตอนนี้เราเห็นบริษัทจำนวนมากขึ้นเลือกเปิดเผยความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติของตนโดยสมัครใจ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่บริษัทหลายแห่งเริ่มพิจารณาถึงผลกระทบของธุรกิจของตนที่มีต่อธรรมชาติ” Haidan กล่าว
การสร้างสมดุลระหว่างผลกำไรระยะสั้นกับการลงทุนเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว
Mette Lykke ซีอีโอของบริษัทขยะอาหาร Too Good to Go ยอมรับว่าต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากและเป็นส่วนที่มีความซับซ้อนมากขึ้นสำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของกฎระเบียบที่เข้ามา
“นี่เป็นพื้นที่ที่ซับซ้อนมากและต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการหาคำตอบต้องพบความสมดุลระหว่างจำนวนเงินที่ธุรกิจใช้ในการรายงานกับการริเริ่มจริงๆ ที่อาจช่วยขับเคลื่อนให้ทำได้ตามเป้าหมาย” Lykke อธิบาย
Haidan จาก Virgin Media ยอมรับว่าความจำเป็นในการคิดระยะยาวเกี่ยวกับความยั่งยืนนั้น “ไม่สอดคล้องกัน” กับการรายงานรายได้รายไตรมาส อย่างไรก็ตาม เธอเชื่อว่าจะมีบริษัทจำนวนมากขึ้นที่ให้ความสำคัญกับวาระด้านความยั่งยืนอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญมากกว่าในระยะสั้น
“ที่ Virgin Media เราได้รับการสนับสนุนมากมายจากทีมผู้บริหารและองค์กรโดยรวมเพื่อใส่เรื่องความยั่งยืนไว้ในจุดที่ถูกต้องภายในระบบ ตัวอย่างเช่น ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนโดยคณะกรรมการการลงทุน ดังนั้นการลงทุนที่ทำ เราจะตรวจสอบด้วยว่าจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการลดคาร์บอนหรือไม่”
ประเด็นสุดท้ายที่ผู้นำธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนจะต้องให้ความสำคัญในปี 2567 คือการสื่อสาร หน่วยงานมาตรฐานการโฆษณากำลังปราบปรามการกล่าวอ้างด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เข้าใจผิดในการสื่อสารอยู่แล้ว และเพิ่งอัปเดตคำแนะนำดังกล่าว
ขณะนี้บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามหลักการสำคัญ รวมถึงตรวจสอบให้แน่ใจว่าหากการกล่าวอ้างด้านสิ่งแวดล้อมเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เพียงตัวเดียว แทนที่จะเกี่ยวข้องกับธุรกิจทั้งหมด ก็ควรมีการระบุให้ชัดเจน รวมถึง ‘การสร้างสมดุลของข้อมูล’ หากธุรกิจมีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม แต่เน้นย้ำถึงกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมเชิงบวก และรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบที่เป็นอันตรายโดยรวมหากโฆษณาอ้างถึงกิจกรรมที่มีคาร์บอนต่ำ
สำหรับ Lykke สิ่งสำคัญในการหลีกเลี่ยงสิ่งนี้คือต้องแน่ใจว่าการสื่อสารมีความจริงใจและไม่ใช่แค่มีจุดประสงค์ในการเล่าเรื่องเท่านั้น
“ขณะนี้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดมากขึ้น (จากผู้บริโภคและผู้กำหนดนโยบาย) ตัวอย่างเช่น คุณต้องลงทุนในการบัญชีคาร์บอน จากนั้นให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบสิ่งที่คุณทำหากต้องการเรียกร้องจากภายนอก”
ปี 2024 บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องคิดระยะยาว เตรียมความพร้อมสำหรับกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น ดังที่ Haidan กล่าวไว้ ความยั่งยืนจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจทุกครั้งและบูรณาการเข้ากับทุกแง่มุมของธุรกิจ
ที่มา