NEXT GEN

เอสซีจี “องค์กรแห่งโอกาส” เปิดพื้นที่ การมีส่วนร่วม พนักงาน พาร์ทเนอร์ คู่ค้า ลูกค้า สำหรับ Green Innovation เพื่อเปลี่ยนผ่านธุรกิจ Low-Carbon สู่ Net Zero

24 พฤษภาคม 2567…นับจาก “ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม” ขึ้นมานั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี หลายคนคงได้ยินคำว่า Inclusive Green Growth อยู่บ่อยครั้ง เพราะนี่คือวิสัยทัศน์และ Purpose ที่ตั้งใจเดินหน้าสานต่อภารกิจเปลี่ยนผ่านธุรกิจในเครือของเอสซีจีไปสู่เป้าหมาย Net Zero ที่องค์กรวางไว้ให้สำเร็จภายในปี 2050

แม่ทัพใหญ่เอสซีจียอมรับว่าภารกิจนี้อาจต้องใช้ซีอีโอถึง 3 รุ่นในช่วงเวลา 26 ปีนับจากนี้โดยเขารับช่วงเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจปูนซีเมนต์ไปสู่ Low-Carbon ให้ได้ 25% ก่อนที่ซีอีโอรุ่นถัดไปจะเดินหน้าต่อไปเป็น Carbon Neutral และซีอีโอรุ่นที่ 3 สู่ Net Zero

“ระหว่างทางเดินบนถนน Low-Carbon นี้เต็มไปด้วยความท้าทาย อย่างแรกเป็นเรื่องการหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ยกตัวอย่างการนำพลังงานสะอาดมาช่วยลดพลังงานฟอสซิล ปีที่แล้วเราสามารถลดการใช้พลังงานถ่านหินลง 40% และปีนี้จะเพิ่มเป็น 45% การเปลี่ยนกระบวนการผลิตเพื่อลดคาร์บอน นอกจากคิดค้นวัสดุก่อสร้างคาร์บอนต่ำ และบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพืช ความท้าทายต่อมาคือ การสร้างความเข้าใจให้กับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ ต้อง Convince ด้วยการนำเสนอฟีเจอร์ฟังก์ชั่นใหม่ๆ มานำเสนอให้ลูกค้าสามารถลดการปล่อยคาร์บอนและประหยัดการใช้พลังงาน ในขณะที่ความท้าทายข้อสุดท้ายที่ทุกคนต้องเผชิญคือ กฎระเบียบข้อบังคับทางกฎหมายทั้งในและต่างประเทศ เป็นอีกแรงกดดันในการทำธุรกิจ”

แต่วิธีการที่จะเอาชนะความท้าทายทั้ง 3 ข้อนี้ได้นั้น ธรรมศักดิ์ มองว่าขึ้นอยู่กับ “คนในองค์กร” ที่จะต้องมี Passion ลุกขึ้นมาช่วยกันสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ดังนั้นการปลุกพลังคนในองค์กรจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ เอสซีจี มุ่งสนับสนุนสร้างสังคมที่นี่ให้เป็น “องค์กรแห่งโอกาส” เพื่อให้ทุกคนทั้งพนักงาน พาร์ตเนอร์ คนทุกเจน มีพื้นที่แสดงพลังเร่งพัฒนานวัตกรรมกรีน

 

โอกาสเปลี่ยนไอเดียเป็นนวัตกรรม

เอสซีจีสร้างโอกาสใน 3 ระดับด้วยกัน เริ่มจากคนภายในองค์กรผ่านโครงการต่างๆ เช่น ให้พนักงานก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการกับโครงการสตาร์ตอัพภายในองค์กร ‘ZERO TO ONE by SCG’ โดยติดอาวุธทักษะความรู้ ตั้งแต่เริ่มทำความเข้าใจลูกค้า ค้นหาปัญหา การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้า และการขยายฐานลูกค้าเพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม อาทิ Design Thinking, Generative AI, Data Analytics ปัจจุบันมีผู้ร่วมกว่า 800 คน และมีสตาร์ตอัปในโครงการ 100 สตาร์ตอัพ เช่น

–  Wake Up Waste แพลตฟอร์มรถบีบอัดขยะ ช่วยให้ขยะเล็กลง ขนส่งได้ปริมาณมากขึ้น เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ
– Dezpax  แพลตฟอร์มออนไลน์แพคเกจจิ้งครบวงจรรายแรกในไทย สำหรับธุรกิจร้านอาหาร ฟู้ดเดลิเวอรี่ และคาเฟ่

ขณะเดียวกัน ยังเปิดเวที ‘SCG Young Talent Program’ บ่มเพาะนวัตกรรุ่นใหม่จากมหาวิทยาลัยทุกชั้นปี ทุกสาขา ผ่านการทำงานกับเอสซีจี แบบทำจริง เจ็บจริง (Bootcamp) เป็นเวลา 13 สัปดาห์ เพื่อร่วมสร้างนวัตกรรมดิจิทัล ตอบเทรนด์อนาคต มีคนรุ่นใหม่เข้าร่วมแล้วกว่า 850 คน นอกจากนั้น สนับสนุนให้พนักงานทุกระดับเสนอไอเดียพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ได้เสมอ สร้างวัฒนธรรมเปิดใจ ใฝ่เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ พัฒนาตัวเอง ไม่ยึดติดจากความสำเร็จเดิม (Open & Challenge)

สร้างโอกาสพัฒนานวัตกรรมระดับโลก โดยสนับสนุนการวิจัยภายในองค์กรและร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เช่น ร่วมกับ ‘Norner AS’ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพลาสติก ประเทศนอร์เวย์ และ ‘มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด’ ประเทศอังกฤษ พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน รวมทั้ง ร่วมมือกับสตาร์ตอัปจากสหรัฐอเมริกา ‘Rondo Energy’ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) ที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ เช่น แบตเตอรี่กักเก็บความร้อนจากพลังงานสะอาด

โอกาสสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน

สร้างโอกาสร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม เพื่อรวมพลังสร้างสังคมคาร์บอนต่ำที่เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน เช่น ขับเคลื่อน ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ สร้างเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย พาไทยมุ่งสู่ Net Zero

โดยปีนี้ เอสซีจี ตั้งงบพัฒนากระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำและนวัตกรรมกรีนกว่า 10,000 ล้านบาท ต่อยอดนวัตกรรมกรีนอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันธุรกิจในเครือเอสซีจีต่างมุ่งสู่ Low-Carbon ได้แก่

-ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (SCG) พลิกโฉมการก่อสร้างและอยู่อาศัยให้กรีนครบวงจร ตั้งแต่นวัตกรรมงานโครงสร้างจนถึงระบบเทคโนโลยีภายในและการตกแต่ง ก่อสร้างบ้าน อาคาร โครงการต่าง ๆ ด้วย ‘ปูนคาร์บอนต่ำและคอนกรีตคาร์บอนต่ำ’ จาก ‘เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน’ ขณะที่ ‘เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง’ นำเสนอ ‘วัสดุก่อสร้างครบทั้งหลัง’ ดีไซน์สวยงาม ทนทาน และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ได้รับการรับรอง SCG Green Choice และฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ทั้งยังมีเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพการใช้พลังงานครบวงจร ตั้งแต่การลดการใช้พลังงานจากระบบปรับอากาศในอาคาร ด้วย ‘SCG Air Scrubber’ และสร้างพลังงานสะอาดสำหรับใช้ภายในบ้าน-อาคารตลอด 24 ชั่วโมง ด้วย ‘SCG Solar Hybrid Solutions’ ตลอดจนโซลูชันใหม่อย่าง ‘Microgrid and Energy Storage System’ ที่ช่วยให้การบริหารจัดการใช้พลังงานมีประสิทธิภาพสูงสุด กักเก็บพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ไว้สำหรับใช้งานในช่วงต่าง ๆ ของวัน

-ธุรกิจผลิตกระเบื้องปูพื้น บุผนัง และสุขภัณฑ์ (SCG Decor) นวัตกรรมตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ครบวงจร ล่าสุด เปิดตัว ‘COTTO CLAY DECOR COLLECTION’ ดูดซับความร้อนได้ดี ช่วยให้บ้านเย็น ประหยัดพลังงาน และนวัตกรรม ‘ก๊อกน้ำรุ่น GEO Series’ ที่ใช้นวัตกรรมการผลิตแบบ Non-Foundry Process ดีไซน์ก๊อกน้ำที่ใช้ท่อทองเหลืองมาเป็นส่วนหนึ่งในงานออกแบบ สามารถลดใช้พลังงานในการหลอมขึ้นรูป และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 10%

-ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (SCGP) สร้างความยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การพัฒนายูคาลิปตัสเพื่อเป็นวัตถุดิบทดแทน (Renewable Resource) การเพิ่มประสิทธิภาพการนำกระดาษรีไซเคิลสู่กระบวนการผลิต พัฒนากระบวนการผลิตให้ลดคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย Machine Learning และปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเพิ่มทางเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลและใช้ซ้ำได้ เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน รวมถึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมในกลุ่มสินค้าใหม่ ๆ อย่างกลุ่มวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อเตรียมรองรับเทรนด์การใส่ใจสุขภาพไปกับความยั่งยืน

-ธุรกิจเคมีภัณฑ์ (SCGC)’ มุ่งพัฒนานวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก ภายใต้แบรนด์ ‘SCGC GREEN POLYMERTM’ พร้อมนำเสนอกรีนโซลูชันตามแนวทาง Low Waste, Low Carbon โดยได้ขยายกำลังการผลิตพลาสติกรีไซเคิลในยุโรป ได้แก่ ‘ซีพลาสต์’ (Sirplaste) โปรตุเกส เพิ่มขึ้น 9,000 ตันต่อปี เป็น 45,000 ตันต่อปี และ ‘คราส’ (Kras) เนเธอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 9,000 ตันต่อปี เป็น 18,000 ตันต่อปี ตอบโจทย์ความต้องการนวัตกรรมกรีนในระดับโลก ขณะที่ในภูมิภาค ร่วมกับคู่ธุรกิจมุ่งเปลี่ยนของใกล้ตัวผู้บริโภคให้กรีนยิ่งขึ้น อาทิ ร่วมกับ HomePro พัฒนา ‘เครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลก’ ครั้งแรกในไทย โดยรีไซเคิลพลาสติกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าใช้แล้วให้กลับมาผลิตใช้ใหม่ นอกจากนั้น ร่วมกับ Braskem ผลิต ‘พลาสติกชีวภาพ’ หรือ Bio-Polyethylene ที่เปลี่ยนการใช้วัตถุดิบตั้งต้นจากฟอสซิลเป็นวัตถุดิบชีวภาพ มีปริมาณการปล่อยคาร์บอนเป็นลบ ร่วมกับ Denka ผลิต ‘Acetylene Black’ ซึ่งเป็นสารนำไฟฟ้าสำคัญสำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ EV มุ่งสู่ Green Mobility พร้อมทั้งนวัตกรรมสุดล้ำล่าสุดที่ SCGC พัฒนาร่วมกับ Avantium ในการ ‘เปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นพอลิเมอร์คาร์บอนฟุต
พริ้นท์เป็นลบ’ (Carbon-Negative Plastic) นอกจากนี้ SCGC ยังได้รุกสู่ธุรกิจโซลูชันในการปรับปรุงและแก้ปัญหาในโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial Solutions) ภายใต้แบรนด์ ‘REPCO NEX’ พร้อมส่งมอบ Innovative & Digital โซลูชันเพื่อความยั่งยืน อาทิ พลังงานสะอาด (Renewable Energy) ระบบการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งลดการใช้ทรัพยากร และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

-ธุรกิจพลังงานสะอาด (SCG CLEANERGY) เร่งการเปลี่ยนผ่านให้เร็วยิ่งขึ้น ด้วยแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานสะอาดอัจฉริยะ ‘Smart Grid’ เพื่อเข้าถึงพลังงานแสงอาทิตย์สะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งนวัตกรรมแห่งอนาคตอย่าง ‘แบตเตอรี่กักเก็บพลังงานความร้อนจากพลังงานสะอาด’ ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทำความร้อนหรือไอน้ำในกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม

-ธุรกิจขนส่ง (SCGJWD) ซัพพอร์ทลูกค้าและคู่ธุรกิจมุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ใน Scope 3 ด้วยบริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ที่นำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ‘กลุ่มธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น’ (Cold Chain Business) มีการใช้เทคโนโลยีจัดเก็บและจ่ายสินค้าอัตโนมัติ (Automated Storage Retrieval System) หรือ ASRS พร้อมด้วยระบบ ‘Solar Roof’ เปลี่ยนสู่การเป็นคลังสินค้าประหยัดพลังงาน ลดการใช้เชื้อเพลิง ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนั้น ยังมีนวัตกรรมด้านกรีนโลจิสติกส์อื่น ๆ เช่น ‘รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า’ ‘ระบบคำนวณเส้นทางอัจฉริยะ (AI Route Optimization)’ ‘หุ่นยนต์ลำเลียงอัตโนมัติ (AGV & Robotics)’ ที่ช่วยสร้างความยั่งยืน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ

ปัจจุบันเอสซีจีมียอดขายนวัตกรรมรักษ์โลก SCG Green Choice ประมาณ 53% จากยอดขายทั้งหมด และมุ่งสู่เป้าหมายยอดขาย 67% ภายในปี 2030

“เราจึงพร้อมเดินหน้าสนับสนุนและชวนทุกคนปล่อยแสงเต็มที่ เพื่อสร้างสังคมคาร์บอนต่ำที่ผู้คนมีคุณภาพชีวิตดี เศรษฐกิจเติบโต สังคม สิ่งแวดล้อมน่าอยู่ เปิดให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ตามแนวทาง Inclusive Green Growth เพราะเชื่อว่า สังคมคาร์บอนต่ำจะเกิดด้วย Passionate People และสังคมคาร์บอนต่ำจะเป็นไปได้ถ้าไปด้วยกัน” ธรรมศักดิ์กล่าวในท้ายที่สุด

 

You Might Also Like