17 มิถุนายน 2567…ข้อเสนอโดย Science Based Targets initiative (SBTi) เพื่อรวมคาร์บอนเครดิตไว้ในความพยายามในการเปลี่ยนผ่านองค์กรยังคงทำให้เกิดการโต้แย้งอย่างรุนแรง
H&M แฟชั่นยักษ์ใหญ่ของสวีเดน ออกมาต่อต้านข้อเสนอโดยหน่วยงานที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกเกี่ยวกับเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศขององค์กร ที่จะอนุญาตให้บริษัทต่างๆ ใช้การชดเชยคาร์บอนเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม
ในจดหมายถึงคณะกรรมการบริหารของ Science Based Targets Initiative …Leyla Ertur หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนของ H&M กล่าวว่าบริษัทกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่บริษัทต่าง ๆ จะใช้การชดเชยคาร์บอนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยซื้อเครดิตจากโครงการกำจัดคาร์บอน โดยกล่าวว่า บริษัทต่าง ๆ ภายในห่วงโซ่คุณค่าควรดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยตัวเองมากกว่า
“การตัดสินใจดังกล่าวทำให้คำมั่นสัญญาร่วมแก้ปัญหาสภาพอากาศขององค์กรอ่อนแอลง และทำให้ความพยายามในการลดคาร์บอนอย่างแท้จริงภายในห่วงโซ่คุณค่าน่าดึงดูดใจน้อยลง”
Ertur กล่าว พร้อมเสริมว่าการอนุญาตให้บริษัทต่าง ๆ แทนที่การดำเนินการลดคาร์บอนด้วยการซื้อสินเชื่อจะขัดขวางการลงทุนและนวัตกรรมที่ต้องการเพื่อให้บรรลุการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ
“นี่จะเป็นตัวแทนของการเคลื่อนตัวออกจาก “รากฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งและโครงสร้างการกำกับดูแลที่ทำให้เกิดมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ที่โปร่งใสและเป็นอิสระ จะบ่อนทำลายหลักการที่เราเชื่อว่าเป็นพื้นฐานสำหรับการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศที่แท้จริง”
SBTi กลายเป็นประเด็นร้อนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเดือนเมษายนคณะกรรมการของกลุ่มกล่าวว่าจะพิจารณาการนำการชดเชยคาร์บอนมาใช้เป็นวิธีหนึ่งที่บริษัทต่าง ๆ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ เสมือนกลืนน้ำลายกับสิ่งที่เคยพูดไว้เกี่ยวกับการคัดค้านการชดเชย
ที่ผ่านมา SBTi มีชื่อเสียงในการใช้แนวทางทางวิทยาศาสตร์เปลี่ยนผ่านบริษัทไปสู่การดำเนินงานที่มีคาร์บอนต่ำ ในแวดวงผู้ทำงานแก้ปัญหาโลกเดือดได้รับการยกย่องอย่างสูงเนื่องจากความรอบคอบในการทำให้มั่นใจว่าบริษัทต่าง ๆ จะยึดมั่นในเป้าหมายของตน ในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทหลายแห่งต้องตกตะลึงจากรายชื่อธุรกิจที่ผ่านการตรวจสอบซึ่งปฏิบัติตามแผนการเปลี่ยนแปลงสุทธิเป็นศูนย์ โดยระบุว่าพวกเขากำลังดำเนินการช้าเกินไป รวมถึง Amazon และ Microsoft
H&M เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนของ SBTi ซึ่งสนับสนุนกลุ่มแก้ปัญหาโลกเดือดมาตั้งแต่ปี 2019 บริษัทถูกระบุบนเว็บไซต์ SBTi ว่าเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่สำคัญที่สุด โดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนที่ดำเนินการภายในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทเองเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
Ertur กล่าวเสริมว่าการพัฒนากลไกที่ SBTi กำหนดขึ้นเพื่อให้บริษัทต่างๆ ก้าวไปไกลกว่าเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์จะเป็นวิธีที่เหมาะสมในการใช้การชดเชยคาร์บอน
“ในฐานะผู้กำหนดมาตรฐานโดยสมัครใจ SBTi ยินดีรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด รวมถึงบริษัทที่มีเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์” โฆษกหญิงของ SBTi กล่าว
สัปดาห์นี้ ฝ่ายบริหารของ Biden ส่งสัญญาณสนับสนุนตลาดคาร์บอนโดยสมัครใจ โดยกล่าวว่าการชดเชยคาร์บอนที่มีความสมบูรณ์สูงมีศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดแนวปฏิบัติที่ไม่ผูกมัดเมื่อวันอังคาร โดยระบุว่าผู้ซื้อระดับองค์กรควรให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเองเป็นอันดับแรก และคาร์บอนเครดิตสามารถเสริมความพยายามเหล่านั้นได้
วิธีการที่ SBTi ตัดสินใจเพิ่มการชดเชยคาร์บอนในรายการวิธีที่บริษัทต่างๆ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้นั้น อยู่ภายใต้การพิจารณาอย่างละเอียด คณะกรรมการบริหารของกลุ่มได้ทำการตัดสินใจ แต่กลับถอยหลังหลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์และกล่าวว่าการพิจารณาจุดยืนด้านสินเชื่อจะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ต่อมา หัวหน้าผู้บริหาร Luiz Amaral กล่าวว่าเขาเสียใจกับความทุกข์ใจที่เกิดจากสถานการณ์ แต่กล่าวว่ามาตรฐานของ SBTi ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
คำแถลงจาก SBTi กล่าวในเวลาต่อมาว่า คณะกรรมการบริหาร “ดำเนินการตามคำสั่งเพื่อกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์สำหรับ SBTi ขณะเดียวกันก็เคารพขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐานขององค์กร นอกจากนั้นจะแก้ไขมาตรฐานคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ขององค์กร ซึ่งรวมถึงการประเมินประสิทธิผลของคาร์บอนเครดิตในการกำหนดเป้าหมายสภาพภูมิอากาศขององค์กรภายในเดือนกรกฎาคม โดยจะครบมาตรฐานภายในสิ้นปีนี้”
โฆษกหญิงของ SBTi กล่าวในท้ายที่สุดว่า องค์กรกำลังสนับสนุนให้บริษัทต่างๆ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรับฟังคำปรึกษาเกี่ยวกับมาตรฐาน Net -Zero ขององค์กรที่ปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว
ที่มา
