NEXT GEN

ทำไม COP29 = COP Finance ?

16 ตุลาคม 2567…COP29 การประชุมสภาพอากาศของสหประชาชาติจะจัดตั้งแต่วันที่ 11-22 พฤศจิกายน ที่บากู เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจาน โดยมีเป้าหมายทางการเงินเกี่ยวกับสภาพอากาศโลกใหม่เป็นหัวใจสำคัญ

ในห้วงเวลาที่ต้องเผชิญอุทกภัยร้ายแรงในยุโรปตะวันออก และพายุเฮอริเคนรุนแรงในสหรัฐอเมริกา ชัดเจนว่า วิกฤตโลกเดือดยังคงทวีความรุนแรงขึ้น เกินกำลังมนุษยชาติที่จะบรรเทาปัญหา โลกจึงจับตาบรรดาผู้นำเพื่อเร่งดำเนินการด้านสภาพอากาศ และปกป้องผู้อยู่แนวหน้า

COP29 ถูกเรียกว่า “COP ด้านการเงิน” เนื่องจากถึงเวลาแล้วที่ประเทศต่างๆ จะต้องกำหนดเป้าหมายการเงินเพื่อแก้ปัญหาสภาพอากาศโลก ก่อนการประชุม COP30 บราซิลในปีหน้า ประเทศต่างๆ ต้องให้คำมั่นที่เอาจริงเอาจังยิ่งขึ้นด้วย

ข้อตกลงที่ COP28

ตามข้อตกลงปารีส แนวทางดำเนินการด้านสภาพอากาศโลกตั้งแต่ปี 2015 ผลลัพธ์ที่ตกลงกันในการประชุม COP28 คือการ ‘ global stocktake ‘ รวบรวมข้อมูลที่มีการดำเนินการเมื่อ 8 ปีที่แล้วว่าแต่ละประเทศดำเนินการอย่างไรไปบ้าง

เป็นครั้งแรกในการประชุม COP ด้านสภาพอากาศที่ระบุถึงเชื้อเพลิงฟอสซิล และเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ “เปลี่ยนผ่าน” แม้มีเรื่องดังกล่าว แต่กลับเลี่ยงที่จะ “เลิกใช้” เชื้อเพลิงฟอสซิลเต็มรูปแบบ ซึ่งหลายคนกล่าวว่าจำเป็น เพื่อให้โลกร้อนไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

ผลลัพธ์ที่ได้ยังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ มีส่วนร่วมในการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกเป็นสามเท่าภายในปี 2030

 

มีการตกลงจัดตั้งกองทุนเพื่อชดเชยความเสียหายใน COP27 ให้ประเทศที่เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายละเอียดขั้นสุดท้ายสรุประหว่างการประชุมที่บากู ก่อนเงินจะเริ่มไหลเข้าสู่ประเทศต่างๆปีหน้า

COP29 = COP Finance

เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่ประเทศต่างๆ จะต้องตกลงเกี่ยวกับเป้าหมายการเงินระดับโลกใหม่ ซึ่งเรียกว่า new collective quantified climate finance goal-NCQG

การดำเนินการดังกล่าวปรับเป้าที่กำหนดไว้ในปี 2009 เมื่อประเทศพัฒนาแล้วให้คำมั่นว่าจะระดมเงิน 100,000 ล้านดอลลาร์ (91,400 ล้านยูโร) ต่อปีภายในปี 2020 เพื่อช่วยประเทศกำลังพัฒนาบรรเทาและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

พวกเขาทำสำเร็จในปี 2022 เท่านั้น ด้วยวิกฤตที่ทวีความรุนแรงขึ้น จำนวนเงินทุนเพื่อสภาพอากาศที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องการขณะนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 ล้านดอลลาร์ ถึงมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี มีความท้าทายใหญ่หลวงในการเชื่อมโยงจำนวนเงินขั้นต่ำ และจำนวนเงินสูงสุดที่ประเทศพัฒนาแล้วยินดีจ่าย

นอกจากตัวเลข COP29 ยังต้องเผชิญการโต้เถียงมากมายเกี่ยวกับเงื่อนไขของ NCQG ผู้บริจาคและผู้รับเป็นใคร มาจากแหล่งสาธารณะและเอกชนเท่าใด เป็นเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าหรือเงินกู้

จุดยืน EU เรื่องเงินทุนเพื่อสภาพอากาศ?

รัฐมนตรีสหภาพยุโรปได้อนุมัติข้อสรุปเกี่ยวกับการเงินเพื่อสภาพอากาศเมื่อต้นสัปดาห์ มุ่งมั่นระดมเงินร่วมกัน 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีจนถึงปี 2025 และกำหนด NCQG ที่ “ทะเยอทะยาน” หลังจากนั้น ปัจจุบัน ข้อความเกี่ยวกับการเงินเพื่อสภาพอากาศเน้นย้ำว่า international public finance ควรเป็นแกนหลักและจัดทำโดย “ฐานผู้สนับสนุนที่กว้างขึ้น รวมถึงประเทศต่างๆ ที่สนับสนุนได้จริง

ไมเคิล บลอส โฆษกด้านนโยบายสภาพอากาศและอุตสาหกรรมของพรรคกรีนในรัฐสภายุโรป กล่าวกับ Euronews Green ว่า

“100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปียังไม่เพียงพอ ลำดับความสำคัญของเราชัดเจน การจัดสรรเงินทุนระหว่างการบรรเทา ปรับตัว การสูญเสียและความเสียหายต้องสมดุล โดยมีเป้าหมายชั่วคราวที่เข้มงวด เงินช่วยเหลือต้องมาแทนที่เงินกู้เพื่อทำลายวงจรหนี้ และปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน”

Alden Meyer ผู้ช่วยอาวุโสของสถาบันวิจัยด้านสภาพอากาศ E3G กล่าวว่า ยังต้องรอดูว่า NGQG จะมีเป้าหมายย่อยเฉพาะสำหรับการจัดสรรเงินทุนเพื่อปรับตัว การสูญเสียและความเสียหายหรือไม่ เพราะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศกำลังพัฒนาพยายามอย่างหนัก เพื่อให้มีการจัดสรรเงินทุน 50% เนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

การวางรากฐานสำหรับ NDC ที่แข็งแกร่งขึ้น

นอกจากนี้ ภายใต้ข้อตกลงปารีส ประเทศต่างๆ จะต้องส่ง NDC- Nationally Determined Contributions ใหม่ ซึ่งระบุแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งต้องต่ออายุ NDC ทุก 5 ปี โดยรอบต่อไปจะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ดังนั้น COP29 จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ประเทศต่างๆ จะต้องยกระดับมาตรฐาน และเรียกร้องความรับผิดชอบซึ่งกันและกัน

 

สถาบันทรัพยากรโลก (WRI) ระบุว่า NDC ควรมีเป้าหมายเฉพาะภาคส่วน เช่น เป้าหมายชัดเจนในการเปลี่ยนไปใช้ระบบพลังงานและอาหารที่ปลอดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ระหว่างการประชุมระดับสูงเมื่อไม่นานนี้ ประธานาธิบดี 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาเซอร์ไบจาน และบราซิล ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุม COP30 ระบุว่า จะแถลงรายละเอียดการประชุม NDC ของพวกเขาในการประชุม COP หรือภายในสิ้นปีนี้

แต่ถึงแม้มีการกล่าวถึงเรื่อง “การรักษาระดับอุณหภูมิให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส” เมเยอร์กล่าวว่า ผู้นำมีข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการทั่วโลกปีที่แล้วเล็กน้อย

“ผมรู้สึกประหลาดใจที่ประธานาธิบดี 3 ประเทศไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการปฏิรูปเจตนารมณ์ปัจจุบันของพวกเขาในการขยายการผลิตและการส่งออกเชื้อเพลิงฟอสซิล ทั้งสามประเทศมีแผนที่จะขยายการลงทุนในภาคส่วนนั้นอย่างมาก”  เขากล่าวกับสื่อมวลชนในระหว่างการแถลงข่าว

ด้วยการตัดสินใจเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลทั่วโลก COP28 พยายามเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งรวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็นสามเท่าและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเป็นสองเท่าภายในปี 2030 การลดการใช้พลังงานถ่านหิน และการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

ในจดหมายอย่างเป็นทางการฉบับแรกถึงภาคีต่างๆ มุคธาร์ บาบาเยฟ ประธาน COP29 ที่ได้รับการแต่งตั้งเน้นย้ำว่าเสาหลักสองประการของการประชุมสุดยอดครั้งนี้ คือ ตั้งเป้าสูง และสนับสนุนการลงมือทำจริง

รายงานล่าสุดของ IEA พบว่า ปัจจุบันโลกกำลังอยู่ในเส้นทางของการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็น 2.7 เท่าภายในปี 2030 ดังนั้นจำเป็นต้องมีการดำเนินการ และการสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติมในเรื่องนี้

ผู้ร่วมประชุม COP29

ผู้นำโลกจะเดินทางมาที่สนามกีฬาบากูเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำโลกด้านการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศในช่วงเริ่มต้นการประชุม เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา นี่จะเป็นโอกาสให้ผู้นำประเทศต่างๆ ได้ประชุมกันก่อนที่ผู้เจรจาจะลงมือทำธุรกิจ บุคคลที่มีชื่อเสียงมักยืนยันเมื่อใกล้ถึงเวลา

แต่จากสัญญาณที่บ่งชี้ว่าการประชุมครั้งนี้จะมีผู้เข้าร่วมน้อยกว่าจำนวนผู้เข้าร่วมที่ทำลายสถิติเดิมกว่า 65,000 คนในปีที่แล้ว ผู้บริหารด้านการเงินจำนวนมากกล่าวว่าจะไม่เข้าร่วมการประชุมปีนี้

Financial Times รายงานว่า แม้เน้นการเงินภาคเอกชน แต่ผู้บริหารของ Bank of America, BlackRock, Standard Chartered และ Deutsche Bank ก็ไม่ได้เข้าร่วม บางคนโต้แย้งว่านี่เป็น “การประชุม COP เชิงเทคนิค” ที่ไม่เหมาะกับภาคธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า พระเจ้าชาร์ลสที่ 3 กษัตริย์แห่งอังกฤษ ผู้เข้าร่วมการประชุมด้านสภาพภูมิอากาศของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องดังกล่าวก็ไม่เข้าร่วมการประชุม COP29 เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีอิลฮัม อาลีเยฟแห่งอาเซอร์ไบจาน มั่นใจว่าจะต้อนรับผู้นำโลกอีกมากมาย รวมถึงนายกรัฐมนตรีบาร์เบโดส มิอา มอตลีย์ ผู้สนับสนุนการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศที่เท่าเทียมกันมากขึ้น ปัจจุบัน มอตลีย์เป็นหัวหน้ากลุ่มประเทศที่เปราะบางต่อสภาพภูมิอากาศ V20 และจะนำเสนอแนวคิดสุดโต่งมากขึ้นสำหรับการปฏิรูปการเงินภายใต้โครงการ Bridgetown Initiative

องค์กรภาคประชาสังคมและนักรณรงค์ด้านสภาพภูมิอากาศจะเดินทางไปยังอาเซอร์ไบจานด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพจัดงานด้านสภาพภูมิอากาศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงประวัติด้านสิทธิมนุษยชน

การดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศต้องครอบคลุมทุกด้าน มีความยุติธรรมเป็นแกนหลัก ซึ่งรวมถึงการเรียกร้องให้อาเซอร์ไบจานเจ้าภาพจัดงาน COP รับผิดชอบต่อสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่ไม่มั่นคง และเรียกร้องเสรีภาพอย่างเต็มที่ให้ภาคประชาสังคม และนักรณรงค์ด้านสภาพภูมิอากาศของประเทศต่างๆลงมือทำทันที” บลอส โฆษกพรรคกรีน ของสหภาพยุโรปกล่าวในท้ายที่สุด

ที่มา

 

You Might Also Like