NEXT GEN

Beacon Impact Fund ลงทุน 5 โครงการ ตอกย้ำเป้าหมายสร้างระบบนิเวศ Climate Tech เพื่อความยั่งยืน

9 ธันวาคม  2567…Beacon Impact Fund ภายใต้การบริหารของบีคอน วีซี Venture Capital ของธนาคารกสิกรไทย โชว์ผลงานการลงทุนเชิงกลยุทธ์ปี 2567 พร้อมเผยแผนปี 2568 มุ่งพัฒนาระบบนิเวศ Climate Tech ไทย ตอกย้ำความตั้งใจผลักดันโซลูชั่นกลุ่มนวัตกรรมด้าน ESG และความมุ่งมั่นส่งเสริมความยั่งยืน สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงกลุ่มประเทศในพื้นที่อื่นๆ 

 

ธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) กล่าวว่า ภายใต้นโยบายเน้นลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อต่อยอดการดำเนินงานเชิงเทคโนโลยีของธนาคาร ลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ ได้จัดตั้ง Impact Fund ในปี พ.ศ. 2566 ตั้งเป้าสร้างผลกระทบเชิงบวกยั่งยืน วัดผลได้เป็นรูปธรรม มีศักยภาพขยายผลวงกว้าง

-ปี 2566 Beacon Impact Fund ตั้งเป้าหมายการลงทุนทั้งปีที่ 400 ล้านบาท ตลอดปีลงทุนสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพทั่วโลกโดยมีไฮไลท์การลงทุนใน 4 ราย รวม 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 320 ล้านบาท

 ปี 2567 ร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์กับสตาร์ทอัพไปแล้ว 5 ราย

ทั้งหมดสะท้อนความมุ่งมั่นผลักดันโซลูชั่นเพื่อความยั่งยืนในกลุ่มนวัตกรรมสำคัญๆ อาทิ นวัตกรรมเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ (Decarbonization) เทคโนโลยีที่ส่งเสริมความยั่งยืนด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม (Climate Tech) และการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion)

 

ธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี)

โดยการลงทุนเชิงกลยุทธ์ทั้ง 5 รายในปี 2567 ประกอบด้วย

1.Neutreeno สตาร์ทอัพจากสหราชอาณาจักร ที่ช่วยองค์กรทั่วโลกติดตาม และลดปริมาณ Carbon Footprint ทั้งจากกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร (Scope 1 และ 2) และในห่วงโซ่อุปทาน (Scope 3) พร้อมให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับการทำงานสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) มีจุดเด่นคือ ออกแบบและพัฒนามาให้องค์กรทุกขนาดจัดการ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ง่าย มีประสิทธิภาพมากขึ้น

2.PlanetFWD แพลตฟอร์มเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกา ที่ช่วยให้เจ้าของสินค้าอุปโภคบริโภคบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตและจำหน่ายสินค้า แนะนำแนวทางลดผลกระทบดังกล่าว รวมทั้งสามารถติดตามการดำเนินงานต่าง ๆ และเพิ่มความโปร่งใสด้านข้อมูล

3.Majoo สตาร์ทอัพอินโดนีเซีย นำเสนอแพลตฟอร์มบริหารจัดการธุรกิจครบวงจรสำหรับวิสาหกิจรายย่อย ขนาดย่อมและขนาดกลาง ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการทางการเงิน ไปจนถึงการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า นอกจากนั้นยังช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงาน เข้าถึงบริการทางการเงินเพื่อสร้างความยั่งยืนในการทำธุรกิจได้มากขึ้น

4. Avaana Capital กองทุน VC ด้านความยั่งยืนใหญ่ที่สุดในอินเดีย เน้นลงทุนในเทคโนโลยีด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้อินเดียมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เช่น การจัดการพลังงานและทรัพยากร การคมนาคมที่ยั่งยืน และการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  โดยการร่วมลงทุนครั้งนี้ จะทำให้ บีคอน วีซี ขยายขอบเขตการลงทุนไปยังตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด และเพิ่มความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาพลังงานสะอาด การคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเกษตรแบบยั่งยืน

5. ION Energy สตาร์ทอัพสัญชาติไทย ที่มุ่งเน้นการเข้าถึงพลังงานสะอาดแบบครบวงจรได้ง่ายขึ้น โดยนำเสนอโซลูชั่นโซลาร์เซลล์ ทั้งการลงทุนติดตั้งโซลาร์ฟรีผ่านสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และการรับเหมาและติดตั้งแผงโซลาร์สำหรับที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ รวมถึงพัฒนา Application สำหรับการบริหาร ติดตาม การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และการชำระเงินออนไลน์

การลงทุนดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญของบีคอน วีซี ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความยั่งยืนและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่เพียงในแค่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังคงครอบคลุมกลุ่มประเทศในภูมิศาสตร์อื่นๆ อีกด้วย โดยปัจจุบันกองทุนมียอดเงินลงทุนรวมแล้วกว่า  13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 455 ล้านบาท

นอกจากการลงทุนข้างต้น บีคอน วิซี ยังทำโครงการ และร่วมมือกับระบบนิเวศสำคัญ ประกอบด้วย

-ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกับสถาบัน Global Green Growth Institute (GGGI) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศ (Climate Tech) ในประเทศไทย เน้นส่งเสริมนวัตกรรมระยะ Early Stage และการสร้างผู้ประกอบการที่มุ่งเน้นความยั่งยืนในกลุ่มสตาร์ทอัพไทย

-จัดกิจกรรม Climate Tech Connect และ GreenGather โดยรวบรวมเครือข่าย Stakeholder ในระบบนิเวศด้าน Climate เพื่อแบ่งปันความรู้ พร้อมสนับสนุนการสร้างเครือข่าย และความร่วมมือที่กระตุ้นผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

-จัดเวิร์กช็อป ESG Essential Reporting ซึ่งออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างทักษะในการทำรายงานด้าน ESG และให้ความรู้เชิงลึกให้กับสตาร์ทอัพและธุรกิจเกิดใหม่ บทบาทในการสร้างความรับผิดชอบต่อองค์กรและความสำเร็จระยะยาว

บีคอน วีซี ยังเป็นหนึ่งตัวแทนของไทยในคณะกรรมการตัดสิน Cartier Women’s Initiative 2024 โครงการสนับสนุนธุรกิจที่บริหารโดยผู้หญิง เน้นด้านความยั่งยืนและสร้างผลกระทบทางสังคม แสดงถึงความมุ่งมั่นส่งเสริมความหลากหลายและการมีส่วนร่วมในภูมิทัศน์ทางธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

ส่วนกลยุทธ์ปี 2568 ธนพงษ์ กล่าวว่า บีคอน วีซี จะมุ่งเน้นลงทุนโซลูชั่นที่ช่วยให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจลดการปล่อยคาร์บอน ผลักดันขับเคลื่อนพลังงานสะอาด ปรับและบริหาร Supply Chain และส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินอย่างทั่วถึง

เริ่มจากภาคธุรกิจลดการปล่อยคาร์บอน และใช้พลังงานสะอาด มุ่งลงทุนนวัตกรรมที่มีศักยภาพเติบโตสูง สร้างกำไรขั้นต้นได้ดี ใช้เม็ดเงินลงทุนขยายธุรกิจต่ำ ปรับลักษณะการประกอบธุรกิจได้ง่ายตามสภาพแวดล้อมการแข่งขัน

ภาคการเข้าถึงทางการเงิน มุ่งโซลูชั่นส่งเสริมยั่งยืนและศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ ทั้งด้านการเงิน การบริหาร และการจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อยทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ธนพงษ์   สรุปว่า ปีนี้ บีคอน วีซี ลงทุนสตาร์ทอัพต่างชาติหลายราย แต่ยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศด้าน Climate Tech ของไทย โดยจะนำองค์ความรู้จากการได้ลงทุนกับบริษัทต่างประเทศมาแบ่งปันให้ใน Stakeholder ในระบบนิเวศ และผลักดันให้สตาร์ทอัพไทยประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน

“ปีหน้าเราตั้งตารอที่จะร่วมมือกับองค์กรที่มีพันธกิจด้านความยั่งยืนใหม่ๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเดินไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) ของธนาคารกสิกรไทย”

 

การลงทุนทั้งหมดข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนเพื่อความยั่งยืนที่ธนาคารกสิกรไทยวางเป้าหมายระยะยาว ยอดรวมที่ 1-2 แสนล้านบาท ภายในปี 2573

 

 

 

You Might Also Like