14 กันยายน 2562… ผู้บริหาร The Carbon Underground กล่าวไว้ในงาน สัมมนา Agri Forum 2019 เกษตรปลอดการเผา เพื่อกระตุ้นเกษตรกรไทยร่วมใจทำเกษตรแบบปลอดการเผา
สมศักดิ์ มาอุทธรณ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด แม่งาน “Agri Forum 2019 เกษตรปลอดการเผา” กล่าวถึงงานดังกล่าว ช่วยผลักดันเชิงนโยบายและการจัดกิจกรรมในพื้นที่จริงให้เป็นไปตามเป้าหมายของโครงการเกษตรปลอดการเผา Zero Burn ลดปัญหามลพิษที่เกิดจากการเผาในที่โล่งของภาคการเกษตร ซึ่งตั้งเป้าพื้นที่ภาคการเกษตรของไทยกว่า 140 ล้านไร่ ให้ปลอดการเผา 100% ภายในระยะเวลา 3 ปี
งานนี้บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด จับมือ 3 องค์กรพันธมิตร ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำโดยประพัฒน์ โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมผู้บริหาร กรมการข้าว กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร อีกทั้งมีผู้บริหารระดับสูงขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร The Carbon Underground มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง
Tom Newmark Founder & Chair และ Larry Kopald Founder & President The Carbon Underground แลกเปลี่ยนมุมมองเรื่องดิน ที่ The Carbon Underground ทำงานเรื่องนี้อยู่ว่า
หากดินคุณภาพดีขึ้น 1% จะทำให้ระบบกักเก็บน้ำดีขึ้น และผลผลิตมากขึ้น นอกจากนี้สิ่งที่ตามมาคือ อากาศที่ดีขึ้นด้วย ยกตัวอย่าง ดิน 1 ไร่มีคุณภาพดีขึ้น 1% ไม่มีสารเคมีไม่มีการเผา จะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 1.5-1.6 ตัน/ปี และจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ แตกต่างจากอดีตที่ดินไม่ดี 1 ไร่ ให้ผลผลิต 1 ตัน/ปี
“เกษตรกรต้องทำงานร่วมกับธรรมชาติ ให้มองธรรมชาติเป็นหุ้นส่วนของชีวิต จะเป็นวิธีการทำงานที่ถูกต้อง เพราะเรื่องนี้คือสิ่งแวดล้อมทางการเกษตร ซึ่งประเทศไทยผลิตข้าวให้คนในโลกด้วย การจะส่งผลให้ให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มต้องมีคุณภาพ ต้องมีความยั่งยืน ดังนั้นเกษตรกรจะเป็นนักวิทยาศาสตร์มาช่วยปรับปรุงคุณภาพดินให้ดีเป็นอินทรีย์”
Larry ให้ข้อมูลเสริม Tom ว่า มีรายงานของ UN หากทำลายดินเรื่อย ๆ อีก 60 ปี จะไม่มีดินให้ปลูกอีกเลย ยกตัวอย่างที่มลรัฐอิลินอย เคยปลูกข้าวโพดได้ แต่เผาด้วย สุดท้ายทั้งรัฐปลูกอะไรไม่ได้เลย และอากาศเสีย
“โลกจะไม่มีดินให้เพาะปลูกอีกเลย หากเกษตรกรยังใช้การเผา”
ทั้งนี้ ผู้บริหารทั้งสองได้แนะนำเกษตรกรที่ร่วมงานว่า เชื่อว่าเกษตรกรไทยจะสามารถปรับเปลี่ยนวิถีแทนการเผาได้ เพราะบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ The Carbon Underground ต้องการซื้อสินค้าเกษตรมาจากดินที่ไม่ได้เผา โดยต้องการสั่งซื้อสินค้าทำมาจากพืชถั่วเขียว เพราะถือว่ามีโปรตีนมาจากพืช
ดังนั้น บริษัทดังกล่าวมองหาต้นทางพืชถั่วเขียวที่ไม่ทำลายดินโดยไม่เผา ไม่ใช้สารเคมี จำนวน 1 ล้านเฮกเตอร์ หรือ 5 ล้านไร่ เอาเป็นว่า ถ้าเกษตรกรในประเทศไทยทำได้ตามเงื่อนไขนี้ รับซื้อทันที !
สอดคล้องกับคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกบริโภคผักที่มีโปรตีนแทนบริโภคโปรตีนจากสัตว์ ขณะเดียวกันการบริโภคเนื้อสัตว์เทียมมีจำนวนมากขึ้น ๆ ซึ่งเป็นส่วนช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซต์ได้อีกทางหนึ่ง หากงดบริโภคเนื้อสัตว์
“เหตุที่เราเลือกประเทศไทยเพราะในหลวงร.9 ทรงทำให้เกษตรกร โดยเฉพาะ ดิน จนกระทั่งเกิดวันดินโลก 5 ธันวาคม ซึ่งUN ก็เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเรื่องนี้ เรามองว่า ดินในประเทศไทยเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำโครงการนี้ร่วมกัน ด้วยเหตุนี้เราหาเหตุผลอื่นไม่ได้ที่จะไม่มาประเทศไทย”
ความต้องการข้างต้น น่าจะเป็นการยืนยันโจทย์ท้าทายเช่นเดิมกับสยามคูโบต้าฯ และ 3 องค์กรพันธมิตร นับตั้งแต่เรื่องการบริหารจัดการ “ดิน” ที่ไม่มีสารเคมี และมีการเผา ส่วนการปลูกถั่วเขียวหลังฤดูกาลทำนา อาจจะต้องส่งเสริมเข้มข้นมากขึ้น เพราะเป็นการบำรุงดินทางธรรมชาติ และพันธมิตรทั้งสี่ ก็เคยทำเรื่องนี้มาแล้วประมาณ 10 ปีที่แล้วที่ศรีษะเกษ
ถึงบรรทัดนี้ เกษตรกรจะต้องมี “วิถี” เป็นหุ้นส่วนกับธรรมชาติ แล้วธรรมชาติจะเป็นมิตรกับเรา ซึ่งขณะนี้ผู้ซื้อรอผลผลิตทางการเกษตรจากดินไร้สารเคมี และปลอดการเผา