20 ธันวาคม 2562… จากสถิติของกรมสุขภาพจิต ในปี 2561 มีนักเรียนไทยโดนกลั่นแกล้ง หรือ Bully ในโรงเรียนสูงถึง 600,000 คน หรือคิดเป็นอัตราส่วน 40% มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากญี่ปุ่น
ปัจจุบัน ระดับความรุนแรงของพฤติกรรมการกลั่นแกล้งและปัญหาการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี และได้กลายเป็นปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นในสังคมไทย
นายแพทย์กมล แสงทองศรีกมล ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการเด็ก โรงพยาบาลกรุงเทพ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ได้ฝาก “เคล็ดไม่ลับ 9 วิธีรับมือ เมื่อเด็กๆถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียน” เพื่อให้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูนำไปปรับใช้ เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลเด็กๆ ได้ต่อไป
1.ทำความเข้าใจว่าการกลั่นแกล้งคืออะไร
การทำความใจว่าการกลั่นแกล้งคืออะไร คือสิ่งสำคัญ ที่ทำให้เราเข้าใจปัญหาของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำมากขึ้น แท้จริงแล้วการกลั่นแกล้งคือ นิสัยที่เรียนรู้และเลียนแบบมาจากการเห็นหรือได้ยิน เช่น การพบเจอปัญหาคนในครอบครัวทะเลาะกัน หรือพบเจอคนในชุมชนด่าทอกันด้วยคำพูดหยาบคายทุกวัน จนมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ผู้กระทำบางราย อาจจะเป็นบุคคลที่ขาดความมั่นใจในตนเอง อิจฉาริษยาผู้อื่น รวมถึงผู้กระทำบางรายอาจจะเคยเป็นผู้ถูกกระทำมาก่อน
2.กล้าที่จะพูดหรือแสดงความไม่พอใจต่อผู้กระทำ
หลายครั้งที่ปัญหาการกลั่นแกล้งเกิดขึ้นกับบุคคล บุคคลหนึ่งมาอย่างยาวนาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ถูกกระทำ ไม่กล้าที่จะพูด หรือแสดงความไม่พอใจออกมา ทำให้ผู้กระทำไม่รับรู้ว่าผู้ถูกกระทำนั้นมีความรู้สึกอย่างไร จึงกระทำการกลั่นแกล้งซ้ำๆ เพราะมองว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ การแสดงออกหรือการพูดสื่อสารออกมาว่าผู้ถูกกระทำนั้นไม่พอใจ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้กระทำมีแนวโน้มที่จะกลั่นแกล้งลดน้อยลง หรือหยุดการกระทำนั้นๆ ลงได้ เนื่องจากผู้กระทำได้รับการตระหนักรู้ ถึงความรู้สึกของผู้ถูกกระทำว่า “ไม่พอใจ” และ “เสียใจ” ตลอดจนรับรู้ว่าการกระทำของตนนั้นสร้างผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำอย่างไรบ้าง
3.บอกเล่าการโดนกลั่นแกล้งกับพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือครู
ส่วนใหญ่แล้ว ปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียน เกิดจากการที่ผู้ถูกกระทำ ไม่ได้บอกเล่าเรื่องถูกกลั่นแกล้งให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและครูทราบ จึงทำให้ปัญหาการกลั่นแกล้งยังคงเกิดขึ้น และไม่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด ดังนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่ต้องสอนเด็กและลูกหลานของเรา “ไม่ให้เงียบ” , “เพิกเฉย” หรือ “ทนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น” และ จงกล้าที่จะบอกเล่าปัญหาของตนกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครูที่โรงเรียน เพราะปัญหาการถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนต้องได้รับความร่วมมือจากทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครู ต้องปรึกษาหารือกัน เพื่อหาวิธีการรับมือ และหาวิธีการแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน
4.การกลั่นแกล้งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
ทราบหรือไม่ว่า ในบางสถานการณ์ การกลั่นแกล้งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากว่าผู้ถูกกระทำ ถูกกลั่นแกล้งทางร่างกายหรือทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูดด่าทอเชื้อชาติหรือเพศสภาพ ใช้กำลังและความรุนแรงรังแกผู้อื่น หรือแม้แต่การแชร์เรื่องส่วนตัวของผู้อื่นในอินเทอร์เน็ต ล้วนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น หากว่ามีการพบเจอการกลั่นแกล้งที่รุนแรงเช่นนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูสามารถรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
5.อย่ามองว่าตัวเองเป็นปัญหา
การมีอัตลักษณ์ที่ต่างจากผู้อื่น เช่น เพศสภาพ เชื้อชาติ รูปร่างหน้าตา ที่ต่างจากผู้อื่น ไม่ใช่ปัญหาของผู้ถูกกระทำเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะทัศนคติของผู้กระทำต่อผู้อื่นต่างหาก สิ่งที่สำคัญคือเราต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองของตนเองก่อนเป็นอันดับแรก หากลูกของคุณเป็นผู้ถูกกระทำ จงสอนเขาว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด และมันไม่ใช่ปัญหาของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวผู้กระทำเองทั้งสิ้น
6.มองหาวิธีจัดการกับความเครียด
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การกลั่นแกล้งนั้นสามารถสร้างความเครียดให้แก้ผู้ถูกกระทำเป็นอย่างมาก นอกจากการบอกเล่าปัญหาต่อผู้ที่ไว้ใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พ่อแม่ หรือครูแล้ว ควรลองมองหากิจกรรมหรือสิ่งใหม่ๆ เช่น การออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง หรือออกไปเที่ยว เพื่อจัดการกับความเครียดของตนเอง และทำให้สภาพจิตใจไม่หมกมุ่นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
7.อย่าแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว
การอยู่คนเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาหรือทำให้เราจัดการกับการกลั่นแกล้งได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้สถานการณ์แย่ลงไปเรื่อยๆ การอยู่คนเดียวเงียบๆ จะทำให้ลดความมั่นใจและความภาคภูมิใจของผู้ถูกกระทำได้ ดังนั้น เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ผู้ปกครองและครู ที่จะคอยสอดส่อง ดูแล พฤติกรรม อรมณ์ของเด็กๆ และบุตรหลาน ไม่ให้ตกอยู่ในภาวะเงียบหรือปลีกตัวมาอยู่คนเดียว
8.ดูแลสุขภาพกายและใจของตนเองให้ดี
สุขภาพคือสิ่งสำคัญที่เราควรใส่ใจ การกลั่นแกล้งนั้นสามารถสร้างบาดแผลและปมในใจให้กับผู้ถูกกระทำซึ่งสามารถส่งผลต่อสภาพร่างกาย เช่น การอดอาหาร เครียดจนนอนไม่หลับ เป็นต้น หากบุตรหลานของท่านได้รับการกลั่นแกล้งที่กระทบต่อสภาพร่างกายและจิตใจ ควรพาไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและจิตวิทยา เพื่อช่วยให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาได้อย่างดีและตรงจุด
9.มองหาบุคคลต้นแบบที่ดี
การกลั่นแกล้ง ทำให้ผู้ถูกกระทำสับสนและไม่ชอบในตัวเอง หากว่าผู้ถูกกระทำมีบุคคลต้นแบบที่ดี จะสามารถทำให้เห็นได้ว่า มีอีกหลายคนที่เคยพบเจอกับปัญหาเดียวกัน แต่พวกเขาก็สามารถก้าวข้ามผ่านการโดนกลั่นแกล้งจนสามารถประสบความสำเร็จได้ การมีบุคคลต้นแบบที่ดีนั้น จะทำให้ผู้ถูกกระทำ มองเห็นคุณค่าของตัวเองและรักตัวเองมากขึ้น
บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เชื่อมั่นว่า การที่จะสร้างแรงผลักดันให้เกิดสังคมน่าอยู่ได้ ต้องเกิดจากความร่วมมือกันในทุกภาคส่วน เริ่มต้นจากความร่วมมือในโรงเรียน ชุมชนเล็กๆ ของเด็กๆ ขยายวงกว้างออกไปสู่ความร่วมมือในสังคมไทย โดยเราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการ “Shared Kindness คำพูดสร้างสรรค์ สร้างสังคมน่าอยู่” จะสามารถสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจต่อคนในสังคม เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในสังคมไทยอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน