NEXT GEN

NRF นำ Plant-based Food รับเมกะเทรนด์การบริโภคอาหารแห่งอนาคต ใช้ Sustainability เป็นนโยบายมี SDGs เป็นตัวชี้วัด

22 กันยายน 2563… NRF เตรียมขาย IPO จำนวนไม่เกิน 340 ล้านหุ้น โดยเป็นบริษัทขับเคลื่อนองค์กรและแบรนด์ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนเพื่อเป็นตัวเลือกรายแรกๆ ในการผลิตสินค้าแก่บริษัทอาหาร (สำเร็จรูป) ในระดับสากล

แดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร อาหารมังสวิรัติที่ไม่มีส่วนผสมของไข่และนม อาหารโปรตีนจากพืช อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมรับประทาน และเครื่องดื่มสำเร็จรูปชนิดผงและน้ำ รวมถึงผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคที่ไม่ใช่อาหารในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม (V-shape) เปิดเผยว่า

บริษัทฯ มีเป้าหมายระยะยาวก้าวขึ้นเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารแห่งอนาคต ที่มุ่งเน้นนวัตกรรมอาหารเพื่อสร้างความยั่งยืนให้ระบบนิเวศอุตสาหกรรมอาหารทั้งระบบ ด้วยนโยบายการเป็น The Purpose – Led Company เพื่อสร้างการเติบโตของบริษัทฯ อย่างก้าวกระโดด ให้มียอดขายเพิ่มขึ้นให้ได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2567 ภายใต้กลยุทธ์การเจาะตลาดอาหารกลุ่ม Specialty Food ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกและมีอัตราการเติบโตสูง

NRF จะให้ความสำคัญในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่น (Ethnic Food) ผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based Food) และ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน (Functional Products)

ยกตัวอย่าง กระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการผลิตอาหารโปรตีนจากพืชผ่านการร่วมทุนกับ THE BRECKS COMPANY LIMITED หรือ ‘เบรคส์’ ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 27 ปี ในธุรกิจผลิตอาหารโปรตีนจากพืช โดยร่วมกันจัดตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ Plant and Bean Ltd. ที่ประเทศอังกฤษ รับจ้างผลิตอาหารโปรตีนจากพืชให้กับบริษัทอาหารชั้นนำของโลก ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเพิ่มกำลังการผลิต จากปัจจุบันประมาณ 3,000 ตัน ให้เป็น 36,000 ตัน ภายในปี 2564 รองรับการเติบโตของความต้องการของลูกค้า และมีแผนการขยายการผลิตไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาในอนาคต รวมถึงยังเป็นพันธมิตรกับ Meatless Farm ในประเทศอังกฤษ ผู้ผลิตอาหารจำพวกแฮมเบอร์เกอร์เนื้อเทียม โปรตีนจาก ข้าวและถั่ว รวมถึงหัวไชเท้า ที่ทดแทนรสชาติ การสัมผัสเหมือนกินเนื้อสัตว์จริง โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็น ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับ Meatless Farm ในประเทศไทยภูมิภาคเอเชียในอนาคต

เนื้อไร้เนื้อในเครื่องปรุง NRF แกงเขียวหวาน และกระเพา

นอกจากนี้ ยังเข้าร่วมลงทุนใน Big Idea Venture และกองทุนนิวโปรตีนขนาดกองทุน 1,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนแบบ Accelerator ที่ให้เงินทุนสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพเกี่ยวกับอาหารโปรตีนจากพืชพร้อมทั้งคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งมีเป้าหมายการลงทุนประมาณ 100 สตาร์ทอัพ ภายใน 3 ปี โดยปัจจุบันลงทุนแล้วประมาณ 27 สตาร์ทอัพ มากกว่าครึ่งหนึ่งของสตาร์ทอัพเหล่านั้นมียอดขายแล้ว ทั้งนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีทางธุรกิจกับสตาร์ทอัพด้านอาหาร (Food Tech Startups) และเป็นการสร้างโอกาสให้กับบริษัทฯ ได้เป็นผู้ผลิตให้กับธุรกิจเหล่านี้ในอนาคตระยะยาว โดยบริษัทฯ ได้รับสิทธิในการเป็น Preferred Co-packer ให้กับสตาร์ทอัพเหล่านี้อักด้วย การเข้าลงทุนดังกล่าวยังทำให้มีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับบริษัทได้ในภายภาคหน้าเพื่อการเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพในการผลิตของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น

ล่าสุด NRF ได้เข้าลงทุนใน Phuture Food Limited (“Phuture”) หนึ่งในสตาร์ทอัพด้าน Food Tech ในทวีปเอเชียที่ได้รับความสนใจจากบริษัทลงทุนระดับโลก มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์หมูสับเทียมที่ผลิตจากโปรตีนจากถั่วเหลืองเป็นหลัก โดยลงทุนเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจและโอกาสในการเป็นผู้ผลิตสินค้าให้กับ Phuture หลังผลิตภัณฑ์พร้อมออกวางจำหน่าย

ผลิตภัณฑ์บางส่วนของ NRF

เพื่อรองรับการผลิตให้กับสตาร์ทอัพและลูกค้า Plant-based food นอกเหนือจากการร่วมลงทุนในโรงงานผลิต plant-based food ที่ประเทศอังกฤษแล้ว บริษัทฯ มีแผนสร้างโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชแห่งใหม่ในประเทศไทย (Plant-based dedicated manufacturing facilities) โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ Plant-based ประมาณร้อยละ 30-40 ในปี 2567

นอกจากนี้ บริษัทได้ริเริ่มโครงการ Carbon Footprint เมื่อเดือนตุลาคม 2562 โดยมุ่งหวังที่จะเป็นองค์กร Zero Carbon และปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับประกาศนียบัตรจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เพื่อแสดงว่า บริษัทฯ เป็นองค์กรปราศจากคาร์บอน หรือที่เรียกว่า Carbon Neutral ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตอาหารภาคเอกชนรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับประกาศนียบัตร

“การที่เราพูดเรื่อง Sustainability ในธุรกิจเพราะนี่คือ นโยบายบริษัท เราเห็นว่าลูกค้าต้องการเรื่องนี้ ปี 2017 ผมลงนามเป็นสมาชิก Global Compact ผมมองว่าเรื่อง Sustainability ต้อง Integrate เป็นส่วหนึ่งของธุริกจ และเราใช้ SDGs มาเป็นตัวชี้วัดของบริษัทใน Value Chain ของเรา ซึ่งการที่ผมจะอธิบายเรื่องความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เขาจะรู้สึกว่าจับต้องไม่ได้ คืออะไร ผมและคุณธี(ธีระพงษ์ ลอรัชวี กรรมการและกรรมการผู้จัดการ NRF ) ใช้เวลา 3 ปีในการที่จะปรับวัฒนธรรมองค์กร ทำอย่างไรที่จะให้ความคิดของคนมีการไดร์ฟเรื่องนี้ ซึ่งการที่เรามีนโยบายเรื่อง Sustainability ไม่ได้ช่วยลูกค้าอย่างเดียว แต่เป็นการไดร์ฟทั้งองค์กร Perforamnce ลิงค์กันหมด”

แดนกล่าวต่อเนื่อง ความยั่งยืน มันคือทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเลย ตั้งแต่พัฒนา ทำอย่างไรที่ชีวิตพนักงานจะดีขึ้น รวมถึงเกษตรกรที่อยู่ในระบบเรา ทำอย่างไรชีวิตเขาจะดีขึ้น และปลายน้ำลูกค้าเราทำอย่างไรให้ชีวิตเขาดีขึ้น โดยมีผลกระทบเชิงบวกให้กับโลก

“การนำเรื่องความยั่งยืนมาเป็นนโยบายของบริษัท ผู้บริหารต้องลงมือทำเลย แล้วทุกอย่างจะตามมาเป็น Benefit เพราะว่านี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องการทั่วโลก”

แดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธีระพงษ์ ลอรัชวี กรรมการและกรรมการผู้จัดการ เพ็ญอุไร ไชยชัชวาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF และวีณา เลิศนิมิตร กรรมการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดวิสัยทัศน์ พร้อมเตรียมระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

ทั้งนี้ NRF มีทุนจดทะเบียน 1,421,040,400 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,421,040,400 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 1,065,780,300 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 1,065,780,300 หุ้น โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 340 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.08 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยแบ่งเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 290 ล้านหุ้น และเสนอขายหุ้นสามัญโดยผู้ถือหุ้นเดิม คือ บริษัท ดีพีเอ ฟันด์ เอส จำกัด จำนวนไม่เกิน 50 ล้านหุ้น ซึ่งภายหลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปชำระเงินกู้ยืม ลงทุนโครงการในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งคาดว่าจะนำ NRF จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปี 2563 นี้ โดยNRF เตรียมโรดโชว์นักลงทุนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ 25 กันยายนนี้

 

You Might Also Like