30 กันยายน 2562…ในที่นี้รวมถึงเจ้าของทรัพย์สินที่ถือครองสินทรัพย์มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทชั้นนำที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และผู้นำทางธุรกิจกว่า 100 ราย
แถลงการณ์สำคัญโดยผู้นำภาครัฐและเอกชน ในการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติส่งผลให้เกิดแรงผลักดันการดำเนินการเรื่องนี้ชัดเจนกว่าที่เคย และแสดงให้เห็นถึงการรับรู้ที่มีพัฒนาการมากกว่าเดิมที่ว่าจังหวะก้าวของกิจกรรมใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องสภาพอากาศต้องเร่งทำรวดเร็วกว่าเดิม
77 ประเทศ ให้คำมั่นสัญญาถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 ขณะที่ 70 ประเทศแถลงว่าพวกเขาจะเพิ่มแผนปฏิบัติการระดับชาติ หรือเริ่มกระบวนการทำเช่นนั้นภายในปี 2563
ผู้นำทางธุรกิจกว่า 100 รายได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของข้อตกลงปารีสและเร่งการเปลี่ยนจาก Grey Economy ให้เป็น Green Economy รวมถึงเจ้าของทรัพย์สินที่ถือครองสินทรัพย์มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐและบริษัทชั้นนำที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
หลายประเทศและกว่า 100 เมือง ในจำนวนนี้รวมถึงเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แถลงถึงจังหวะก้าวใหม่ที่สำคัญ และเป็นรูปธรรมเพื่อต่อสู้กับวิกฤตสภาพภูมิอากาศด้วย
ประเทศเล็ก ๆ หลายแห่ง รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะขนาดเล็ก รวมถึงประเทศพัฒนาน้อยที่สุดอยู่ในกลุ่มผู้ทำตามคำมั่นสัญญาใหญ่ที่สุด ทั้ง ๆ ที่ในข้อเท็จจริง ประเทศเหล่านี้สร้างปัญหาสภาพอากาศน้อยที่สุด
António Guterres เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวในการปิดการประชุมสุดยอดว่า พวกคุณได้เพิ่มแรงผลักดันความร่วมมือ และความทะเยอทะยานมากมายกับเรื่องดังกล่าว แต่เรามีเส้นทางอีกยาวไกลที่ต้องเดินต่อไป
“เราต้องการแผนทีลงหลักปักฐานได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ทะเยอทะยานมากขึ้นจากหลายประเทศให้มากขึ้น และธุรกิจที่มากขึ้น เราต้องการให้สถาบันการเงินทุกแห่งทั้งภาครัฐและเอกชนเลือกเน้นทำเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือ Green Economy”
ผู้นำเยาวชนรวมถึง Greta Thunberg ผลักดันให้เกิดกิจกรรมยิ่งใหญ่อย่างเร่งด่วน โดยบรรดาผู้นำประเทศหรือองค์กรเหล่านั้น มีความตั้งใจจะแสดงให้เห็นว่ายอมรับเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด”
แถลงการณ์สำคัญ ๆ จากการประชุม ประกอบด้วย
•ฝรั่งเศสประกาศว่าจะไม่ทำข้อตกลงทางการค้ากับประเทศที่มีนโยบายต่อต้านข้อตกลงปารีส
•เยอรมนีมุ่งมั่นที่จะทำเรื่อง Carbon Neutrality ซึ่งมีประเด็นหลักคือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจนเป็นศูนย์ ภายในปี 2050
• 12 ประเทศ ตกลงสนับสนุนทางการเงินแก่ Green Climate Fund กลไกทางการเงินอย่างเป็นทางการเพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการปรับตัว ปฏิบัติตัว เพื่อรับมือกับเรื่อง Climate Change นี่เป็นประเทศที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการแถลงก่อนหน้านี้ ที่มีนอร์เวย์, เยอรมัน, ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรมีส่วนร่วมกับกองทุนดังกล่าว
•อังกฤษ แถลงการณ์สนับสนุนทางการเงินเกี่ยวกับกิจกรรมด้านนี้เพิ่มจากเดิม 2 เท่า คิดเป็นยอดเงิน 11,600 ล้านปอนด์ ในช่วงปี 2020- 2025
•อินเดียให้คำมั่นสัญญาของการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็น 175 GW ภายในปี 2022 และมุ่งมั่นที่จะเพิ่มเป็น 450GW รวมถึงมีการแถลงว่า มี 80 ประเทศร่วมเป็นพันธมิตรกับองค์กร International Solar Alliance.
•จีนแถลงว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปีละกว่า 12,000 ล้านตันและจะมุ่งไปสู่เส้นทางการเติบโตที่มีคุณภาพสูง และการพัฒนาเรื่อง Low Carbon
•สหภาพยุโรป แถลงว่า อย่างน้อย 25% ของงบประมาณของสหภาพยุโรปวาระต่อไป จะทุ่มเทให้กับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Climate Change
•สหพันธรัฐรัสเซียประกาศว่าพวกเขาจะให้สัตยาบันกับข้อตกลงปารีส ทำให้จำนวนทั้งหมดที่เข้าร่วมข้อตกลงนี้อยู่ที่ 187 ประเทศ
•ปากีสถานกล่าวว่าจะปลูกต้นไม้มากกว่า 10,000 ล้านต้นใน 5 ปีข้างหน้า เป็นระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยใช้พลังของภาคเอกชน:
•กลุ่มเจ้าของสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เคยเน้นการลงทุนทางตรง (Direct Investment) มากกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ให้คำมั่นสัญญาว่าจะย้ายไปลงทุนในพอร์ตการลงทุนเรื่อง Carbon-Neutral ภายในปี 2593
•87 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐสหรัฐให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปรับให้ธุรกิจของพวกเขาสอดคล้องกับสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจำกัดผลกระทบที่เลวร้ายที่สุด คือการลดอุณหภูมิโลกลงไป 1.5 องศาเซลเซียส
ธนาคาร 130 แห่ง หรือหนึ่งในสามของภาคการธนาคารทั่วโลก ลงนามถึงการทำให้ธุรกิจของพวกเขาเข้าเป้าหมายของข้อตกลงปารีส
เมื่อเปลี่ยนจากพลังงานสีน้ำตาลเป็นสีเขียว:
• Michael Bloomberg จะเพิ่มการสนับสนุนเงินทุน และเน้นการกระจายโดยดูข้อมูลทางภูมิศาสตร์ออกไปใน 30 ประเทศ งานของเขาได้ช่วยปิดโรงงานถ่านหิน 297 โรงจาก 530 โรงในสหรัฐอเมริกา
•ประเทศต่าง ๆ รวมถึงฝรั่งเศสและนิวซีแลนด์ แถลงว่าพวกเขาจะไม่อนุญาตให้ทำการสำรวจน้ำมันหรือก๊าซในที่ดินหรือในน่านน้ำนอกชายฝั่งอีกต่อไป
•ผู้นำจากฟินแลนด์, เยอรมัน, กรีซ, ฮังการี, ไอร์แลนด์, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกสและสโลวาเกียเป็นหนึ่งในผู้ประกาศว่า พวกเขาจะลงแรงอย่างหนักเพื่อยุติการใช้ถ่านหิน สาธารณรัฐเกาหลีประกาศว่าจะปิดโรงไฟฟ้าถ่านหิน 4 แห่งและจะปิดอีก 6 แห่งในปี 2022 รวมถึงการเพิ่มเงินสมทบ Green Climate Fund เป็นสองเท่า
•การประชุมสุดยอดยังสรุปได้ถึงแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นสำหรับการระบายความร้อน ด้วยการรวมกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า“ Three Percent Club” เพื่อผลักดันการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานทั่วโลก 3 % ต่อปี รวมถึงตั้งเป้าเรื่องการระบายความร้อนให้ลดได้ปีละ 1 องศาบนเส้นทางที่โลกจะเข้าสู่เป้าหมายการปล่อยกาซเรือนกระจกเป็นศูนย์ทั้งโลกในปี 2050
การสนับสนุนทางการเงินและปลดล็อกอุปสรรคของกองทุน:
•หลายประเทศแถลงถึงการสนับสนุนใหม่ๆ ให้กับ Green Climate Fund กลไกทางการเงินอย่างเป็นทางการเพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการปรับตัว ปฏิบัติตัว เพื่อรับมือกับเรื่อง Climate Changeกับหลายประเทศ รวมถึงฝรั่งเศส เยอรมนี นอร์เวย์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งแถลงว่าพวกเขาจะเพิ่มเงินสนับสนุนเพิ่มจากปัจจุบันเป็นสองเท่า
•นอกจากนี้ มีการประกาศถึงแพลตฟอร์มการลงทุนเรื่อง Climate Change อย่างเป็นทางการ โดยจะเป็นการลงทุน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเรื่องพลังงานสะอาดในปี 2569 ให้แก่ 20 ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดในปีแรก
การริเริ่มการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการจะเป็นธรรมสำหรับทุกคนสนับสนุนงาน เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น และป้องกันจุดที่เปราะบางมากที่สุด เช่นเดียวกับความคิดริเริ่มใหม่ ๆ เกี่ยวกับการปรับตัว การเกษตรและระบบเตือนภัยล่วงหน้า ซึ่งจะปกป้องผู้คนราว 500 ล้านคนจากผลกระทบของ Climate Change
ความคิดริเริ่มใหม่ที่แถลงออกมาถูกออกแบบมาเพื่อปรับขนาด เพื่อส่งผลกระทบระดับโลกที่จำเป็น เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องให้รัฐบาล องค์กร ธุรกิจและผู้คนทุกที่เข้าร่วมโครงการที่ประกาศในการประชุมสุดยอดและสัญญาว่าจะ“ ร่วมกันผลักดัน” อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความทะเยอทะยานทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมและลงมือทำมากขึ้น
เลขาธิการสหประชาชาติได้ให้คำมั่นว่า ระบบของสหประชาชาติจะสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนที่เสนอในการประชุมสุดยอด พร้อมรายงานเบื้องต้นที่จะส่งมอบในการประชุม COP25 ที่เมืองซานติอาโก ประเทศชิลี
Cr.